หลุมสิว เกิดจากอะไร มีกี่แบบ รักษาวิธีไหนดี ป้องกันอย่างไร พร้อมคำแนะนำ

หลุมสิวรักษายังไง? หน้าเป็นหลุมทำยังไงดี? คงเป็นคำถามที่หลายคนต้องการคำตอบ เพราะหลุมสิวเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากสิว และอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะในกรณีที่มีความรุนแรง หลุมสิวถือเป็นปัญหาที่รักษาได้ยาก และวิธีรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีมักเป็นหัตถการที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ในบทความนี้ หมอเอ็ม จาก M Vita Clinic จะพาทุกท่านทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลุมสิวในแง่มุมต่าง ๆ รวมถึงแนวทางการรักษาตามหลักการแพทย์ เพื่อช่วยให้ผู้ที่กังวลเกี่ยวกับหลุมสิวสามารถเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมได้

หลุมสิว คืออะไร?

หลุมสิว คือ รอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นหลังจากสิวอักเสบหาย โดยเป็นรอยบุ๋มลงไปจากผิวโดยรอบ ซึ่งส่วนใหญ่มองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า แต่บางประเภทอาจบุ๋มลงไม่มาก วิธีสังเกตคือใช้ไฟส่องจากด้านข้างของผิว จะเห็นการยุบตัวลงของหลุมสิวได้ชัดขึ้น

หลุมสิวเกิดจากอะไร?

หลุมสิวเกิดจากอะไร? เมื่อเกิดสิวอักเสบ ด้านในของสิวจะมีหนอง ซึ่งร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับเชื้อสิว แต่ขณะเดียวกันก็ทำลายคอลลาเจนใต้ผิว พอสิวหาย บริเวณนั้นจะเกิดการซ่อมแซมผิวและสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาทดแทน

หากผิวที่สร้างใหม่ = ผิวที่ถูกทำลาย จะไม่เกิดแผลเป็น แต่ถ้าผิวที่สร้างขึ้นน้อยกว่าผิวที่ถูกทำลาย ก็จะเกิดเป็นหลุมสิวนั่นเอง

สรุปสาเหตุที่มีผลทำให้สิวกลายเป็นหลุมสิว ดังต่อไปนี้

1. การอักเสบของสิว – สิวอักเสบที่มีการอักเสบรุนแรง จะทำลายผิวมาก ทำให้การซ่อมแซมเป็นไปได้ยาก จึงเกิดหลุมสิวได้ง่าย

2. กรรมพันธุ์ – หากพ่อแม่มีแนวโน้มเป็นหลุมสิวง่าย ก็มีโอกาสถ่ายทอดทางพันธุกรรม

3. พฤติกรรมการบีบ แกะ เค้นสิว – เป็นการเพิ่มการอักเสบในสิว และทำให้เกิดการทำลายชั้นผิวมากขึ้น จึงทำให้เกิดหลุมสิวได้ง่ายขึ้นตามมา

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิว

เนื่องจากหลุมสิวเกิดจากสิว การแก้หลุมสิว และการป้องกันที่ดีที่สุดคือการลดโอกาสเกิดสิวใหม่

1. หากมีสิวอักเสบ ควรรักษาอย่างถูกต้องโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้สิวหายเร็วและลดโอกาสเกิดแผลเป็น โดยเฉพาะสิวอักเสบรุนแรง หากปล่อยไว้หรือรักษาไม่ถูกต้อง จะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดหลุมสิว

2. หากมีสิวอุดตันอยู่ควรป้องกันไม่ให้กลายเป็นสิวอักเสบโดยการ

• ห้ามกดสิวออกด้วยตัวเอง ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกดออกให้
• งดจับสิวอุดตันบ่อย ๆ

3. ห้ามบีบ แคะ แกะสิว เพราะอาจทำให้สิวอักเสบขึ้นมา และเกิดรอยแผลที่กลายเป็นหลุมสิว 

หลุมสิวมีกี่ประเภท?

ในทางการแพทย์ จะแบ่งหลุมสิวออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ หลุมสิวแบบคลื่น (Rolling Scar) หลุมสิวแบบบล๊อก (Boxcar scar) และหลุมสิวแบบรูเจาะ (Ice Pick Scar) 

1. หลุมสิวแบบคลื่น “Rolling” 

หลุมสิวแบบคลื่น เป็นหลุมสิวตื้น มีลักษณะเป็นเส้นคลื่นบนผิว ฐานตื้นโค้งคล้ายก้นกระทะ ขอบไม่ชัดและไม่แข็ง หากดึงผิวให้ตึง หลุมจะดูเรียบขึ้น การรักษาหลุมสิวประเภทนี้ง่ายและเห็นผลเร็ว

2. หลุมสิวแบบกล่อง “Boxcar” 

หลุมสิวแบบกล่อง พบได้บ่อย มักเกิดบริเวณขมับและแก้ม มีลักษณะเป็นหลุมกว้าง ปากหลุมและก้นหลุมมีขนาดใกล้เคียงกัน คล้ายรอยล้อรถ ขอบคมและแข็ง มีพังผืดเกาะค่อนข้างมาก

3. หลุมสิวแบบรูเจาะ “Ice Pick” 

หลุมสิวแบบรูเจาะ เป็นหลุมสิวที่ลึกที่สุดและรักษาได้ยากที่สุด ลักษณะเป็นรูแคบและลึกลงไปในชั้นหนังแท้ มักพบเป็นกลุ่ม ๆ บริเวณแก้มและจมูก ลักษณะคล้ายรูที่เจาะน้ำแข็ง

ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีหลุมสิว 

• ระวังตัวไม่ให้เป็นสิว
• ดูแลผิวให้สะอาด เช็ดเครื่องสำอาง ล้างหน้าเป็นประจำเช้า-เย็น
• ถ้าเป็นสิวแล้วต้องรีบรักษา
• อาจพิจารณาใช้ตัวยาทากลุ่มกรดวิตามินเอ เนื่องจากมีงานวิจัยพบว่าสามารถช่วยกระตุ้นให้หลุมสิวที่เป็นไม่มากนักดีขึ้น แต่ต้องระวังการระคายเคือง
• ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาหลุมสิวที่ถูกวิธี

ข้อห้ามปฏิบัติเมื่อมีหลุมสิว

• ห้ามบีบ แคะ แกะเกาสิว เพราะอาจจะทำให้เกิดหลุมสิวใหม่เพิ่มได้
• หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนา ๆ เพราะอาจอุดตันกลายเป็นสิวเพิ่มได้
• ไม่ควรใช้น้ำมันหรือ Skincare รักษาหลุมสิวที่ไม่มีงานวิจัยรองรับ ไม่ควรหลงเชื่อซื้อครีมในอินเตอร์เน็ตที่อาจโฆษณาเกินจริง
• ห้ามซื้อกรดจากอินเทอร์เน็ตมาแต้มหลุมสิวเอง

รักษาหลุมสิวด้วยตัวเองได้ไหม 

หลุมสิวหายเองได้ไหม? หลุมสิวรักษาด้วยตัวเองโดยส่วนใหญ่มักไม่ได้ผล เช่น การใช้ยาทาก็ช่วยเรื่องหลุมสิวได้เพียงเล็กน้อย บางคนอาจเคยเห็นกรดที่ใช้แต้มหลุมสิวให้เต็มขึ้น แม้ราคาจะไม่แพง แต่ไม่ควรสั่งมารักษาเอง เนื่องจากกรดเหล่านี้มักมีความเข้มข้นสูง หากใช้ไม่ถูกวิธีอาจทำให้ผิวไหม้และเกิดแผลเป็นรุนแรงกว่าเดิม

รักษาหลุมสิวอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผล

การรักษาหลุมสิวควรดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สถานที่รักษาควรเป็นคลินิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข และใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. หากมีรีวิวการันตียิ่งเพิ่มความมั่นใจว่าการรักษาจะเห็นผลดีและปลอดภัย

วิธีรักษาหลุมสิว 

วิธีรักษาหลุมสิวให้ดีขึ้นนั้นมีหลายวิธี ซึ่งทาง M Vita Clinic ได้รวบรวมวิธีต่าง ๆ มาให้แล้ว ดังนี้

1. รักษาหลุมสิวด้วยยาทา

การรักษาหลุมสิวด้วยยาทาให้ผลน้อย ยาที่มีงานวิจัยรับรองว่าสามารถช่วยให้หลุมสิวดีขึ้นได้บ้าง ได้แก่ กรดวิตามินเอ (Retinoic acid) หรืออนุพันธ์ของวิตามินเอ เช่น อะดาพาลีน (Adapalene – Differin) ซึ่งอาจได้ผลในหลุมสิวแบบคลื่น (Rolling scar) ที่เกิดขึ้นไม่นานและไม่ลึกมาก ต้องใช้ต่อเนื่อง 3-5 เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผล แต่ต้องระวังอาการระคายเคือง ผิวแห้ง และลอกเป็นผื่น

2. รักษาหลุมสิวด้วยยากิน

หลายคนอาจสงสัยว่ายาหรือวิตามินสามารถช่วยรักษาหลุมสิวได้หรือไม่ ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันว่ายาหรืออาหารเสริมชนิดใดสามารถทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้โดยตรง แม้ว่าการรับประทานคอลลาเจนหรือวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินอี หรือซิงค์ อาจช่วยเสริมสุขภาพผิวโดยรวม และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น แต่ไม่ได้มีผลโดยตรงต่อการกระตุ้นให้เนื้อเยื่อในหลุมสิวฟื้นตัวจนเต็มขึ้นมาเอง

สำหรับยากินที่แพทย์อาจแนะนำในกรณีที่มีสิวอักเสบร่วมด้วย เช่น ยากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ (Isotretinoin) สามารถช่วยลดการอักเสบและควบคุมการเกิดสิวใหม่ได้ แต่ไม่มีผลต่อการทำให้หลุมสิวเก่าตื้นขึ้น

3. รักษาหลุมสิวด้วยการผลัดเซลล์ผิว

การผลัดเซลล์ผิวโดยใช้กรดทางการแพทย์สามารถช่วยรักษาหลุมสิวได้ดีในระดับหนึ่ง โดยต้องใช้กรดชนิดเข้มข้น เช่น Trichloracetic acid 50% ขึ้นไป เพื่อแต้มที่บริเวณหลุมสิว วิธีนี้เรียกว่า TCA CROSS (TriChloroacetic Acid Chemical Reconstruction Of Skin Scars) ซึ่งได้ผลดีกับหลุมสิวแบบรูเจาะ (Ice pick scar) 

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากกรดที่ใช้มีความเข้มข้นสูง หากไม่มีประสบการณ์อาจเกิดรอยไหม้และผลข้างเคียงรุนแรง

4. รักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์

ปัจจุบันเลเซอร์หลุมสิวส่วนใหญ่เป็น Fractional Laser ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่ยิงเป็นจุด ๆ เรียงกันเป็นตาราง ทำให้ผิวบางส่วนไม่ถูกยิงเลเซอร์โดยตรง ช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้เร็วและลดโอกาสเกิดรอยดำหลังเลเซอร์

เลเซอร์ Fractional ที่รักษาหลุมสิวจะแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ได้ 2 กลุ่ม ได้แก่

4.1 เลเซอร์ Fractional แบบไม่มีแผล (Non-Ablative)

เลเซอร์ Fractional แบบไม่มีแผล (Non-Ablative) เป็นเทคโนโลยีการรักษาหลุมสิวที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวโดยไม่ทำให้เกิดบาดแผลบนผิวหนังชั้นนอก หลักการทำงานของเลเซอร์กลุ่มนี้คือการส่งพลังงานลงไปยังชั้นหนังแท้ (Dermis) ในรูปแบบของจุดเล็ก ๆ (Microthermal Zones) เพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และซ่อมแซมเซลล์ผิว

ตัวอย่างเลเซอร์กลุ่มนี้ เช่น Fractional Erbium Glass (Fraxel), Pico Second Laser

4.2 เลเซอร์ Fractional แบบมีแผล (Ablative)

เลเซอร์ Fractional แบบมีแผล (Ablative) เป็นเทคนิคที่ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึกโดยการใช้พลังงานเลเซอร์ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกพร้อมกับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นลึก การทำงานของเลเซอร์ประเภทนี้คือการสร้างรอยแผลเล็ก ๆ บนผิวหนัง ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายเร่งการซ่อมแซมตัวเอง ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทนที่รอยหลุมสิว

ตัวอย่างเลเซอร์กลุ่มนี้ เช่น Fractional Erbium Glass (Fraxel), Pico Second Laser

5. รักษาหลุมสิวด้วย RF (คลื่นความถี่วิทยุ)

RF หรือคลื่นความถี่วิทยุ เป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวเข้ม เนื่องจากไม่มีความเสี่ยงที่ผิวจะไหม้ ต่างจากกลุ่มเลเซอร์ที่ต้องลดพลังงานในผู้ที่มีผิวเข้ม ผลลัพธ์ของ RF ในการรักษาหลุมสิวถือว่าดีมาก แต่ในระหว่างทำอาจรู้สึกเจ็บบ้าง หลังทำไม่ต้องพักฟื้นนาน ส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

ตัวอย่างเครื่องในกลุ่มนี้ ได้แก่ Fractora, Ematrix, Infini เป็นต้น

6. การตัดพังผืด (Subcision)

เป็นการใช้เข็มชนิดพิเศษเพื่อตัดพังผืดที่ยึดหลุมสิว ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น วิธีนี้เหมาะกับหลุมสิวประเภท Rolling Scar และ Boxcar Scar

หลังทำอาจมีรอยช้ำและบวมประมาณ 5-7 วัน แต่ที่เอ็มวีต้าคลินิก ใช้เทคนิคพิเศษและเข็มเฉพาะทาง ทำให้พักฟื้นน้อยกว่าการทำ Subcision ทั่วไป และเห็นผลลัพธ์ที่ดีตั้งแต่ครั้งแรก

7. Air Dissector

Air Dissector เป็นการใช้ก๊าซหรือแรงดันอากาศในการเลาะพังผืดใต้หลุมสิวและยกผิวขึ้นอย่างอ่อนโยน พร้อมกระตุ้นการซ่อมแซมผิว

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรทำร่วมกับการฉีดตัวยาที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใต้ผิว ทำให้หลุมสิวดูเต็มขึ้นและได้ผลถาวรมากขึ้น

8. ตัดเย็บหลุมสิว (Punch Excision)

เป็นการใช้เข็มชนิดพิเศษทำการตัดพังผืดที่ยึดหลุมสิวอยู่ออก หลังทำหลุมสิวจะดูตื้นขึ้น วิธีนี้ได้ผลดีกับหลุมสิวแบบคลื่น Rolling Scar กับหลุมสิวแบบบล็อก Boxcar Scar

หลังการผ่าตัดพังผืดจะเป็นรอยช้ำบวมประมาณ 5-7 วันหลังทำ แต่ที่เอ็มวีต้าคลินิก หมอจะใช้เทคนิคพิเศษ และใช้เข็มพิเศษยิ่งขึ้นในการทำ คนไข้จะพักฟื้นน้อยกว่าการทำ Subcision ทั่ว ๆ ไป และจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีตั้งแต่ครั้งแรกหลังทำ

9. การฉีดสารเติมเต็มหรือฉีดฟิลเลอร์ (Fillers injection)

ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ปัจจุบันมีเพียงชนิดเดียว คือ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) ช่วยเติมเต็มหลุมสิวที่บุ๋มลึกให้ดูเรียบเนียนขึ้น เหมาะกับหลุมสิวแบบ Rolling Scar

หากเป็นหลุมที่มีพังผืดเยอะ อาจต้องทำร่วมกับการตัดพังผืด (Subcision) เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

ฟิลเลอร์จะเห็นผลทันทีหลังฉีด แต่ไม่ถาวร โดยทั่วไปอยู่ได้ 1-2 ปี อาจต้องฉีดเติมเป็นระยะ สำหรับการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก เนื้อเบา เพื่อให้เรียบเนียนไปกับผิว เช่น Restylane Vital หรือ Belotero Soft/Balance

10. ฉีด PDRN/PN รักษาหลุมสิว

PDRN (PolyDeoxyNucleoTide) และ PN (PolyNucleotide) เป็นสารที่ประกอบด้วยสาย DNA ที่สกัดจากปลาแซลมอน งานวิจัยพบว่า PDRN ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ในหลาย ๆ ด้าน ช่วยต้านการอักเสบ ต้านการสร้างเม็ดสี ช่วยสร้างคอลลาเจน ช่วยปรับโครงผิวโดยรวมให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น และช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวอีกด้วย จึงมีผลิตภัณฑ์ที่มีสาร PDRN ออกมาหลายแบรนด์ เช่น Dermacare, P-cell, Tensonez, Belladict SSDN เป็นต้น

สำหรับ PN นี้ ถือว่าเป็นตัวที่พัฒนาต่อมาจาก PDRN อีกที โดย PN จะมีความเข้มข้นและบริสุทธิ์มากกว่า ประสิทธิภาพจึงสูงกว่า PDRN โดยจะทำหน้าที่เป็นโครงร่างที่ช่วย Support ผิว และยังอยู่ในผิวได้นานกว่า PDRN ปกติ ผลิตภัณฑ์ที่มี PN ได้แก่ Rejuran รุ่นต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Rejuran S ซึ่งเป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับหลุมสิวโดยตรง

รักษาหลุมสิวที่ไหนดี?

ควรเลือกคลินิกที่คุณหมอมีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการรักษาหลุมสิวเยอะ รีวิวดี ผลลัพธ์เทียบก่อน หลังเห็นชัดเจน ใช้เครื่องมือเครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย. ทุกตัว

ซึ่งเอ็มวีต้าคลินิก ถือเป็นอีกคลินิกที่มีความชำนาญในด้านการรักษาสิว รอยสิว หลุมสิว เปิดมานานกว่า 16 ปี มีรีวิวมากมายการันตีผลลัพธ์ พร้อมเครื่องมือและเลเซอร์มาตรฐานระดับสากล รวมถึงตัวยาที่ผ่านการรับรองจาก อย. หลากหลายชนิด ซึ่งแพทย์นำมาประยุกต์เป็นเทคนิคการรักษาเฉพาะตัวที่ให้ผลดีมาก จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการรักษาหลุมสิว

เอ็มวีต้าคลินิก รักษาหลุมสิวอย่างไร

การรักษาหลุมสิวที่เอ็มวีต้าคลินิกใช้โปรแกรม ANGEL TOUCH ซึ่งเป็นโปรแกรมยอดนิยมที่มีผู้เข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ได้รับการบอกต่อมาโดยตลอด ด้วยประสบการณ์การรักษาหลุมสิวกว่า 16 ปี และเคสรักษากว่า 10,000 ราย ของคุณหมอเอ็ม จึงมั่นใจได้ว่าคนไข้จะเห็นผลลัพธ์ที่ดี

โปรแกรมนี้พัฒนาขึ้นโดยการผสมผสานเครื่องมือ เลเซอร์ ตัวยา และเทคนิคการรักษาหลุมสิวที่มีงานวิจัยรับรองประสิทธิภาพ และผ่านการรับรองจาก อย. ทุกตัว เพื่อช่วยให้หลุมสิวทุกประเภทดีขึ้นอย่างชัดเจน

แพทย์จะวิเคราะห์และประเมินหลุมสิวทั่วหน้าอย่างละเอียดก่อนวางแผนการรักษา โดยเทคนิคที่ใช้ในโปรแกรม ได้แก่

• Fractional RF (Fractora) คลื่นวิทยุรักษาหลุมสิว ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน สลายพังผืดใต้หลุมสิว และช่วยปรับสภาพผิว
• Fractional Ablative Laser (Fotona) เลเซอร์ปรับสภาพผิวชั้นตื้น เน้นสร้างชั้นผิวใหม่ ให้หลุมสิวตื้นเสมอกับระดับผิวโดยรอบมากขึ้น
• Fractional Non-Ablative Laser (LaseMD) เลเซอร์เกลี่ยชั้นผิวให้เรียบเนียนมากขึ้น กระตุ้นการฟื้นฟูผิว
• Miracle Subcision การตัดพังผืดด้วยเทคนิคเฉพาะของเอ็มวีต้าคลินิก ตัดพังผืดได้มากถึง 3 ระดับ แต่อ่อนโยน ช้ำน้อย หลุมฟูเต็มขึ้นเร็ว
• Gentle Subcision ยกหลุมสิวให้ฟูขึ้นทันที ด้วยเข็มขนาดเล็กพิเศษ ได้ผลดีมากในหลุมแบบ rolling และ boxcar ตื้น ๆ
• Air Subcision เทคนิคเซาะพังผืดด้วยก๊าซที่ช่วยยกหลุมสิวและกระตุ้นคอลลาเจน
• PDRN สารสกัด DNA จากปลาแซลม่อน ที่ช่วยซ่อมแซมผิว ฟื้นหลุมสิวให้ฟูเต็มขึ้น
• Low molecular Hyaluronic acid เติมเต็มหลุมสิวให้เต็มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลุมแบบ rolling หรือ boxcar ที่ลึกมาก
• Growth Factor เสริมการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ
• TCA CROSS ใช้สำหรับรักษาหลุม Ice pick ลึก ๆ

โดยในคอร์สจะได้ทำ Fractora 5 ครั้ง สลับกับ Fotona 5 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันทุก 2 สัปดาห์ รวมทั้งหมดเป็น 10 ครั้ง ในทุกครั้งจะมีการทำ Subcision 3 เทคนิค โดยหมอเอ็มจะเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับหลุมของคนไข้ และจะพิจารณาเลือกเทคนิคเสริมตามปัญหาหลุมสิวที่คนไข้มีในแต่ละครั้ง

ราคารักษาหลุมสิว

สำหรับโปรแกรมรักษาหลุมสิว ANGEL TOUCH เป็นการรักษาคอร์สจำนวน 10 ครั้ง ประกอบด้วยการทำเลเซอร์สองเครื่อง คือ Fractora 5 ครั้ง กับ Fotona 5 ครั้ง โดยทำสลับกันทุก 2 สัปดาห์ 

โดยทุกครั้งที่ทำ หมอจะมีการทำหัตถการเสริม เช่นการทำ Subcision 3 เทคนิค การทำ TCA CROSS และร่วมกับการฉีดตัวยาต่าง ๆ โดยหมอจะพิจารณาเลือกการรักษาที่เหมาะกับหลุมสิวที่คนไข้มีเป็นรายบุคคล

ราคาปกติของการรักษารายครั้งอยู่ที่ 4,500 บาท แต่หากทำเป็นคอร์ส 10 ครั้ง ราคา 20,000 บาท ตกครั้งละเพียง 2,000 บาท เท่านั้น ซึ่งคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้รับ

รีวิว รักษาหลุมสิว 

คลิป รีวิว การรักษาหลุมสิว กับ คุณหมอเอ็ม ที่ เอ็มวีต้าคลินิก

สรุปเรื่องรักษาหลุมสิว

ปัจจุบันการรักษาหลุมสิวมีความก้าวหน้าอย่างมาก มีเทคนิค ตัวยา และเครื่องมือที่ช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นอย่างชัดเจน หากเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง และใช้วิธีรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทของหลุมสิว ผลลัพธ์ที่ได้จะดีขึ้นแน่นอน

หากสนใจเข้ารับบริการรักษาหลุมสิว เลเซอร์หลุมสิว หรืออยากประเมินสภาพผิว สามารถนัดคิวพบแพทย์หรือสอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่…

• เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
• อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
• ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
• สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
• เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
• ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ