เคยสังเกตไหมครับว่าบางครั้งเราก็มีสิวที่หูโผล่มาทักทายโดยไม่ทันตั้งตัว แม้จะไม่ได้อยู่ในจุดที่เห็นได้ชัดเจน แต่สิวที่หูก็สร้างความรำคาญและความกังวลให้เราได้ไม่น้อย บางคนถึงกับกลัวว่ามันอาจเป็นสิวบอกโรคร้ายแรง แต่จริงๆ แล้ว สิวที่หูเกิดจากอะไรกันแน่? และมันบอกอะไรเราได้บ้าง?
ในบทความนี้ หมอจะพาทุกคนรู้ตั้งแต่สาเหตุการเกิดสิวที่หู ไปจนถึงวิธีรักษาและป้องกันที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้ทุกคนสามารถดูแลผิวบริเวณนี้ได้อย่างถูกต้อง
สิวที่หูเกิดจากอะไร?
สิวที่หูสามารถเกิดจากหลายสาเหตุครับ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนและการสะสมของน้ำมันบนผิวหนัง สาเหตุหลักๆ ได้แก่
- การผลิตน้ำมันมากเกินไป : ต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันมากเกินไปทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
- แบคทีเรีย : การสะสมของแบคทีเรียบนผิวหนังอาจนำไปสู่การอักเสบและการเกิดสิวที่หู
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน : เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิดอาจอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิว
- การสัมผัสกับสิ่งสกปรก : หูฟัง โทรศัพท์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่สัมผัสกับหูบ่อยๆ อาจนำเชื้อโรคและสิ่งสกปรกมาสู่ผิวหนังบริเวณหู
- การแพ้ : การแพ้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม หรือโลหะในต่างหู
สิวที่หูบอกโรคอะไรได้บ้าง?
แม้ว่าสิวที่หูจะไม่ได้เป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง แต่ในบางกรณีอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพบางอย่างได้ เช่น
- ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล โดยเฉพาะในวัยรุ่นหรือผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน
- ความเครียดสูงอาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิวหนังมากขึ้น
- อาการของภูมิแพ้ต่อผลิตภัณฑ์บางชนิด
- ในกรณีที่สิวมีอาการอักเสบมาก อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่ต้องได้รับการรักษา
- การขาดวิตามินและแร่ธาตุ การใช้ยาบางชนิด
วิธีรักษาสิวที่หู
วิธีรักษาสิวที่หูมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุของสิว ต่อไปนี้เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
กดสิวที่หู
วิธีรักษาสิวที่หูด้วยการกดสิว ควรทำด้วยความระมัดระวังและถูกวิธี เพื่อป้องกันการอักเสบและการเกิดแผลเป็น ก่อนกดสิวจะต้องทำความสะอาดมือและบริเวณที่จะกดสิวให้สะอาดก่อน ใช้ผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชูห่อนิ้วแล้วกดเบาๆ รอบๆ สิว ไม่ควรใช้เล็บกดโดยตรง
ฉีดสิวที่หู
การฉีดสิวจะเหมาะสำหรับสิวอักเสบหรือสิวหัวหนอง แพทย์จะฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปในตัวสิวโดยตรง ช่วยลดการอักเสบและทำให้สิวที่หูยุบเร็วขึ้น แต่วิธีนี้ควรทำโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น ที่ เอ็มวีต้าคลินิก มีบริการฉีดสิวที่หูโดยแพทย์ ราคาเพียง 100 บาท ต่อ เม็ด
ใช้แผ่นแปะสิว
แผ่นแปะสิวเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกและทำได้ง่ายครับ โดยเฉพาะสิวที่หูแบบมีหัว แผ่นแปะจะช่วยดูดซับหนองและน้ำมันส่วนเกิน พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้มือไปแตะต้องสิว
รับประทานยาและใช้ยาทา
ในกรณีที่สิวที่หูมีความรุนแรงหรือเรื้อรัง แพทย์อาจจะแนะนำให้ใช้ยาทาหรือรับประทานยา เช่น
- ยาทา : Benzoyl Peroxide, กรดซาลิไซลิก, หรือยาปฏิชีวนะชนิดทา
- ยารับประทาน : ยาปฏิชีวนะ หรือยารักษาสิวชนิดรับประทาน เช่น Isotretinoin ที่มีงานวิจัยรับรองมากที่สุดและช่วยลดการเกิดสิวใหม่ที่ได้ผลดี
การเลือกใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุดครับ
วิธีป้องกันการเกิดสิวที่หู
วิธีป้องกันการเกิดสิวที่หู สามารถทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ โดยหมอแนะนำให้ปฏิบัติตามดังนี้
1. ทำความสะอาดรอบใบหูเป็นประจำ
ล้างหน้าและทำความสะอาดบริเวณใบหูอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน
- ล้างหน้าและบริเวณหูอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
- ใช้น้ำอุ่นเพื่อช่วยเปิดรูขุมขนและชำระล้างสิ่งสกปรกได้ดียิ่งขึ้น
- เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มี pH สมดุลกับผิว (pH 5.5-6.5) เพื่อไม่ให้ผิวแห้งเกินไป
- ใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ เช็ดให้แห้งเบาๆ ไม่ควรถูแรงเพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง
- สระผมเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันจากเส้นผมไหลลงมาที่ใบหน้าและหู
2. ทำความสะอาดของใช้ที่สัมผัสกับใบหู
ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่สัมผัสกับหูเป็นประจำ เช่น หูฟัง โทรศัพท์มือถือ หรือแว่นตา เพื่อลดการเกิดสิวที่หู ลดสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรก
- ใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดทำความสะอาดหูฟังและโทรศัพท์มือถืออย่างน้อยวันละครั้ง
- สำหรับแว่นตา ล้างด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ และเช็ดให้แห้งด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์
- หากใช้หูฟังเป็นประจำ ควรเลือกแบบที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อลดการอับชื้น
- หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ร่วมกับผู้อื่นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
3. งดแกะ หรือบีบสิวที่หู
พยายามไม่แกะหรือบีบสิวที่หูด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นได้
- หากรู้สึกคันหรือระคายเคือง ให้ใช้น้ำเกลือล้างแผลเช็ดเบาๆ แทนการเกา
- หากจำเป็นต้องกดสิวที่หู ควรทำหลังอาบน้ำอุ่นเพื่อให้รูขุมขนเปิด และใช้ผ้าสะอาดห่อนิ้วแทนการใช้เล็บโดยตรง
- หลังจากกดสิว ให้ทายาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการใช้สำลีพันหรือไม้พันสำลีขุดเช็ดหู เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง
4. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน (non-comedogenic) และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันมากเกินไปบริเวณหู
- อ่านฉลากผลิตภัณฑ์และเลือกที่ระบุว่า “non-comedogenic” หรือ “oil-free”
- หลีกเลี่ยงการใช้ครีมหรือน้ำมันที่มีความเข้มข้นสูงบริเวณใบหูและรอบๆ
- ทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่บนบริเวณเล็กๆ ก่อนใช้จริง เพื่อดูว่าไม่เกิดการแพ้หรือระคายเคือง
- หากใช้เครื่องสำอาง ควรล้างออกให้สะอาดก่อนนอนทุกครั้ง
- พิจารณาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านการอักเสบ เช่น Tea Tree Oil หรือ Salicylic Acid ในปริมาณน้อยๆ
การป้องกันสิวที่หูอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความใส่ใจในการดูแลตัวเอง หากปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เราก็จะสามารถลดโอกาสการเกิดสิวและรักษาผิวบริเวณหูให้สุขภาพดีได้ในระยะยาวครับ
สรุปบทความ
สิวที่หูอาจเป็นปัญหาที่น่ารำคาญ แต่สามารถจัดการได้ด้วยการดูแลที่เหมาะสมและวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการทำความเข้าใจถึงสาเหตุ และวิธีป้องกันจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวที่หูได้อย่างมากครับ
สำหรับใครที่มีปัญหาสิวที่หูที่เรื้อรังหรือรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุดครับ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมอย่างคอร์สรักษาสิว ช่วยให้รักษาให้หายได้เร็วขึ้น ลดการเกิดรอยดำ รอยแดง รอบแผลเป็นจากสิว และเกิดหลุมสิวได้ครับ
เอ็มวีต้า คลินิก คลินิกรักษาสิว ใกล้ฉัน เราเป็นคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยตรง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามแพทย์ได้จากช่องทางด้านล่างหรือแอดไลน์เพื่อการปรึกษาโดยตรง เพื่อเพิ่มความมั่นใจ กลับมาผิวสวย หน้าใสอีกครั้งครับ หมอเอ็ม ยินดีให้คำปรึกษาฟรี!! ครับ
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
วันเผยแพร่