สิวผด เป็นปัญหาผิวที่หลายคนพบเจอ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนชื้นหรือเมื่อผิวเกิดการระคายเคือง ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะทำให้ผิวหน้าของเราไม่เรียบเนียนและส่งผลกระทบต่อความมั่นใจได้
แต่สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ ไม่ต้องกังวลครับ เพราะบทความนี้หมอจะมาแนะนำ 9 วิธีรักษาสิวผด ที่ช่วยให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนได้อีกครั้ง พร้อมเคล็ดลับที่สามารถทำได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน
สิวผดคืออะไร? มีลักษณะอย่างไร?
สิวผด หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า มิเลีย (Milia) คือ สิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ ขึ้นตามบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะที่หน้าผากและแก้ม สิวประเภทนี้ไม่มีหัวหรือมีหัวขนาดเล็กมากประมาณ 1-2 มิลลิเมตร โดยมักจะขึ้นในช่วงที่อากาศร้อนชื้น หรือการระคายเคืองผิว นอกจากนี้สิวผดยังเกิดจากปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้รูขุมขนอุดตันหรือผิวระคายเคืองครับ
สิวผดเกิดจากสาเหตุอะไร?
สิวผดเกิดจากการสะสมของเคราตินซึ่งเป็นโปรตีนในผิวหนัง เมื่อเคราตินถูกสะสมอยู่ใต้ผิวหนังชั้นนอก จะทำให้เกิดเป็นถุงเล็กๆ ขึ้นมา โดยมีสาเหตุหลักๆ ได้แก่
- อากาศร้อนชื้น : ความร้อนทำให้ผิวผลิตเหงื่อมากเกินไป และเมื่อเหงื่อและน้ำมันผสมกับสิ่งสกปรก ก็จะทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวผดได้
- การระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิว : การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับผิวหน้า หรือการถูล้างหน้าแรง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองจนทำให้เกิดสิวผด
- การล้างหน้าที่ไม่สะอาด : หากล้างหน้าไม่สะอาดพอ สิ่งสกปรกที่สะสมอยู่จะไปอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิวผดได้
- พันธุกรรม: บางคนมีแนวโน้มที่จะเป็นสิวผดง่ายกว่าคนอื่นๆ
- การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดสิวผดเป็นผลข้างเคียง
9 วิธีรักษาสิวผดให้หน้ากลับมาเรียบเนียน
สิวผดแม้จะเป็นสิวที่ไม่รุนแรง ไม่เจ็บ แต่หากปล่อยไว้นานก็อาจทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนได้ ดังนั้นหมอจึงได้รวบรวม 9 วิธีรักษาสิวผด ที่จะช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาสวยใสและเนียนนุ่มอีกครั้ง ไปดูกันครับว่ามีวิธีไหนบ้าง
1. ล้างหน้าให้ถูกวิธี
วิธีรักษาสิวผดขั้นตอนแรก คือ การล้างหน้าอย่างถูกวิธีครับ โดยควรล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว และอย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดหมดจด เพื่อขจัดคราบเหงื่อ สิ่งสกปรก และน้ำมันส่วนเกินที่อาจทำให้เกิดสิวผด
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า
นิสัยการจับหน้าอาจทำให้เชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกจากมือไปอุดตันรูขุมขน และกระตุ้นให้เกิดสิวผด ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น เพื่อป้องกันการเกิดสิวเพิ่มเติม
3. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
วิธีรักษาสิวผดที่ไม่ควรมองข้าม คือ การทาครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวผด ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่อ่อนโยน ที่มีค่า SPF สูงพอ และเหมาะกับสภาพผิว เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
4. เช็ดเครื่องสำอางให้สะอาด
หากไม่เช็ดเครื่องสำอางให้สะอาดก่อนนอน สิ่งสกปรกและสารเคมีจากเครื่องสำอางจะไปอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิวผด ควรใช้คลีนซิ่งที่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดและไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
5. ใช้ยารักษาสิว (ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง)
หากสิวผดไม่ลดลง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับยารักษาสิวโดยเฉพาะ เช่น เรตินอยด์ หรือกรดซาลิไซลิก ซึ่งยาจะช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดสิวผดใหม่ ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อความปลอดภัยครับ และไม่ควรใช้ยาเอง
ข้อดีของการใช้ยา:
- เห็นผลรวดเร็ว ยาสามารถช่วยลดอาการอักเสบและลดจำนวนสิวผดได้อย่างรวดเร็ว
- ตรงจุด ยาแต่ละชนิดออกฤทธิ์แตกต่างกัน แพทย์จะเลือกยาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- ป้องกันการเกิดซ้ำ ช่วยป้องกันไม่ให้สิวผดกลับมาเป็นซ้ำ
6. การทำเลเซอร์รักษาสิวผด
ในกรณีที่สิวผดไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาหรือวิธีรักษาสิวผดทั่วไป การทำเลเซอร์รักษาสิวผดอาจเป็นตัวเลือกหนึ่งครับ โดยเลเซอร์จะไปช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของการทำเลเซอร์:
- เห็นผลเร็ว ผิวหน้าจะเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังทำเพียงไม่กี่ครั้ง
- ปลอดภัย เมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะมีความปลอดภัยสูง
- ลดการเกิดสิวซ้ำ ช่วยป้องกันไม่ให้สิวผดกลับมาเป็นซ้ำ
7. เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับผิวหน้า
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับสภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยลดโอกาสการเกิดสิวผด
8. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
หากสิวผดไม่ดีขึ้นหลังจากใช้วิธีรักษาสิวผดด้วยตัวเองแล้ว ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง แพทย์อาจแนะนำการรักษาเฉพาะทาง เช่น การใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อนำสิวผดออก
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ผิวหนัง?
หากคุณลองใช้วิธีรักษาสิวผดที่บ้านแล้ว แต่สิวผดยังคงไม่หายไป หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น แดง บวม หรือคัน ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยทันที แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยและให้คำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสม
ทำไมต้องพบแพทย์ผิวหนัง?
- การวินิจฉัยที่ถูกต้อง: แพทย์ผิวหนังจะสามารถวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงของสิวผดได้อย่างแม่นยำ
- การรักษาเฉพาะทาง: แพทย์จะเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความรุนแรงของสิวผด
- คำแนะนำที่เป็นประโยชน์: แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลผิวและป้องกันไม่ให้สิวผดกลับมาเป็นซ้ำ
9. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรงๆ เช่น สบู่ที่มีน้ำหอม หรือครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสารระคายเคืองอาจทำให้ผิวเกิดสิวผดได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวและปราศจากสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อป้องกันไม่ให้สิวผดเพิ่มขึ้นครับ
สรุปบทความ
วิธีรักษาสิวผดอาจต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ด้วยการดูแลผิวอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ก็จะสามารถลดการเกิดสิวผดและทำให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนได้ครับ
และอย่าลืมว่าการป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุด ดังนั้น การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และการป้องกันผิวจากแสงแดด จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวผดได้อย่างมากแต่สำหรับใครที่ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับสิวผด อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่ M Vita Clinic เพื่อรับการวินิจฉัยและแนะนำวิธีรักษาสิวผดที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเราโดยเฉพาะ เพื่อที่จะมีผิวหน้าที่เรียบเนียน สวยใสอย่างที่ต้องการครับ
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
วันเผยแพร่