สิวเป็นปัญหาผิวที่สามารถเกิดได้กับทุกคนครับ แม้สิวเพียงเม็ดเดียวก็อาจสร้างความไม่มั่นใจและทิ้งร่องรอยบนใบหน้า เช่น รอยสิวหรือหลุมสิวได้ ดังนั้นการรู้จักประเภทของสิวจึงสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้ และในบทความนี้หมอจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า สิวมีกี่ประเภท ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เกิดสิว พร้อมแนะวิธีการรักษาที่เหมาะกับแต่ละประเภท เพื่อช่วยจัดการปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปติดตามอ่านได้ครับ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว
ก่อนที่จะไปดูว่าสิวมีกี่ประเภท ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวกันก่อนครับ เพราะการเข้าใจถึงปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปดูกันครับว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว มีอะไรบ้าง
- ฮอร์โมน : การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในวัยรุ่นและช่วงมีประจำเดือน
- พันธุกรรม : บางคนอาจมีแนวโน้มเป็นสิวง่ายกว่าคนอื่นเนื่องจากปัจจัยทางพันธุกรรม
- ความเครียด : ความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิวได้
- อาหาร : อาหารบางชนิด เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือนมวัว อาจกระตุ้นการเกิดสิวในบางคน
- การดูแลผิว : การไม่ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างเหมาะสมหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน
- สภาพแวดล้อม: มลภาวะ ฝุ่นละออง และแสงแดดก็เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวได้
- ยาบางชนิด: ยาคุมกำเนิด ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ และยาบางชนิดอาจทำให้เกิดสิวได้
สิวมีกี่ประเภท?
เมื่อพูดถึงสิวมีกี่ประเภท หลายคนอาจยังไม่ทราบว่ามีสิวหลายประเภทที่เกิดขึ้นจากสาเหตุ มีลักษณะและวิธีการรักษาที่แตกต่างกันด้วย
1. สิวไม่อักเสบ หรือสิวอุดตัน (Non-Inflammatory Acne)
สิวไม่อักเสบ หรือสิวอุดตัน (Non-Inflammatory Acne) เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของน้ำมันในรูขุมขนและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แต่ไม่ได้มีการอักเสบ สิวประเภทนี้แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก
- สิวหัวขาว (Whiteheads) : เกิดจากการอุดตันที่ไม่สัมผัสกับอากาศ ผิวหนังปิดรูขุมขน ทำให้ดูเป็นตุ่มเล็กสีขาว
- สิวหัวดำ (Blackheads) : เกิดจากการอุดตันที่สัมผัสกับอากาศ ทำให้ไขมันที่อุดตันกลายเป็นสีดำ
การรักษาสิวประเภทนี้มักใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือ เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) และควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกการรักษาที่เหมาะสม
2. สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
สิวอักเสบเกิดจากการอุดตันที่กลายเป็นการอักเสบเมื่อมีการติดเชื้อจากแบคทีเรีย โดยแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ดังนี้ครับ
- สิวตุ่ม (Papules) : สิวที่มีการอักเสบเป็นตุ่มแดง แต่ไม่มีหนอง
- สิวหัวหนอง (Pustules) : สิวที่มีหนองขาวหรือเหลืองในตุ่มอักเสบ
- สิวซีสต์ (Cysts) : สิวที่เป็นก้อนใหญ่ใต้ผิวหนัง มักมีหนองและอักเสบมาก
- สิวหัวช้าง (Nodules) : สิวที่ลึกและแข็ง ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและมักทิ้งรอยแผลเป็น
การรักษาสิวอักเสบ เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่หรือยากิน รวมถึงการทำหัตถการ เช่น การทำเลเซอร์หรือฉีดยา เพื่อรักษาอาการอักเสบอย่างรวดเร็ว
3. สิวเทียม
สิวเทียม เป็นสิวที่เกิดจากการระคายเคืองหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น การใช้ครีมที่มีส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขน หรือสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำให้ผิวระคายเคือง สิวประเภทนี้มักเกิดขึ้นตามแนวเสื้อผ้าหรือบริเวณที่สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการอุดตัน
วิธีการรักษาสิวเทียม คือ การหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคืองและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว รวมถึงการดูแลผิวให้สะอาดเพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกและน้ำมัน
ระดับความรุนแรงของสิวมีกี่ระดับ
นอกจากการรู้จักสิวมีกี่ประเภทแล้ว สิวแต่ละประเภทยังสามารถแบ่งออกเป็นระดับความรุนแรงได้ 3 ระดับด้วยครับ คือ
- ระดับน้อย : เป็นสิวไม่อักเสบ เช่น สิวหัวขาวหรือสิวหัวดำ ซึ่งรักษาได้ง่ายและไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
- ระดับปานกลาง : มีสิวอักเสบปะปนอยู่ เช่น สิวตุ่มและสิวหัวหนอง รักษายากขึ้นและอาจทิ้งรอยแผลเป็นหากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี
- ระดับรุนแรง : สิวซีสต์และสิวหัวช้าง หรือ มีสิวอักเสบจำนวนมาก ที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดและมีโอกาสทิ้งรอยแผลเป็นถาวร จำเป็นต้องรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้หัตถการที่เข้มข้นมากขึ้น เช่น การฉีดยาหรือทำเลเซอร์
วิธีป้องกันและดูแลตัวเองไม่ให้เกิดสิว
การป้องกันสิวเริ่มต้นจากการดูแลผิวหน้าอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ:
- ทำความสะอาดผิวหน้า : ล้างหน้าด้วยเจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน หลีกเลี่ยงการขัดถูผิวหน้าแรงๆ
- เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม : เลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “non-comedogenic” หรือ “oil-free” เพื่อป้องกันการอุดตันรูขุมขน
- ใช้ครีมกันแดด : เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และเป็นสูตรสำหรับผิวมันหรือผิวเป็นสิว
- ทำความสะอาดเครื่องสำอาง : ล้างแปรงแต่งหน้าและอุปกรณ์แต่งหน้าอย่างสม่ำเสมอ
- ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว : เปลี่ยนผ้าห่ม หมอน ปลอกหมอน และผ้าเช็ดหน้าเป็นประจำ
- ลดความเครียด : หาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมที่ชอบ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ : เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีน
- หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดสิว : เช่น อาหารมัน อาหารทอด อาหารรสจัด และอาหารที่มีน้ำตาลสูง
- ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง : หากสิวไม่หายหรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
สรุปบทความ
การเข้าใจว่าสิวมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทควรรักษาอย่างไร เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการปัญหาสิวอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากใครมีปัญหาสิวที่รุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยตนเอง ควรปรึกษาแพทย์จะดีที่สุดครับ เพื่อรับการวินิจฉัย และการรักษาที่เหมาะสมอย่างคอร์สรักษาสิว ช่วยให้รักษาให้หายได้เร็วขึ้น ลดการเกิดรอยดำ รอยแดง รอบแผลเป็นจากสิว และเกิดหลุมสิวได้ครับ
เอ็มวีต้า คลินิก คลินิกรักษาสิว ใกล้ฉัน เราเป็นคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยตรง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามแพทย์เพิ่มเติมได้จากช่องทางด้านล่างหรือแอดไลน์ได้เลยครับ
คุณหมอเอ็มให้กำลังใจคนเป็นสิวทุกท่านนะครับ ว่ารักษาหายได้ อย่างตรงจุด ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มความมั่นใจ กลับมาผิวสวย หน้าใส อีกครั้งครับ หมอเอ็ม ยินดีให้คำปรึกษาฟรี!! ครับ\
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
วันเผยแพร่