รอยแผลเป็นจากสิว
รอยแผลเป็นจากสิว เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย เกิดจากสิวอักเสบที่หายแล้ว ทำให้เกิดรอยแดง รอยดำ หรือรอยหลุม รอยแผลเป็นจากสิวอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพ
บทความนี้หมอจะอธิบายเกี่ยวกับรอยแผลเป็นจากสิว วิธีการรักษา และประเภทของรอยแผลเป็นจากสิวอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและสามารถรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้อย่างถูกต้อง
รอยแผลเป็นจากสิว คืออะไร
รอยแผลเป็นจากสิว คือ ร่องรอยที่เกิดจากสิวอักเสบสิวที่หายแล้ว รอยแผลเป็นจากสิวสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ เช่น รอยแดง รอยดำ รอยหลุม เป็นต้น โดยในระหว่างที่สิวอักเสบนั้น แบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อผิวชั้นบน ทำให้ผิวชั้นล่างเสียหาย เมื่อสิวหายแล้ว ผิวชั้นล่างจึงไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์ จึงเกิดรอยแผลเป็นขึ้น
สาเหตุของรอยแผลเป็นจากสิว
สาเหตุของการเกิดรอยแผลเป็นจากสิวสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ปัจจัยหลักๆ คือ
- ปัจจัยภายใน ได้แก่ พันธุกรรม เชื้อชาติ และเพศ โดยพบว่าคนที่มีผิวสีเข้มมีแนวโน้มที่จะเกิดรอยแผลเป็นคีลอยด์มากกว่าคนที่มีผิวสีอ่อน นอกจากนี้ ผู้หญิงก็มีแนวโน้มที่จะเกิดรอยแผลเป็นจากสิวมากกว่าผู้ชาย
- ปัจจัยภายนอก ได้แก่ ตำแหน่งของสิว ความรุนแรงของสิว การบีบสิว และการสัมผัสแสงแดด โดยพบว่ารอยแผลเป็นจากสิวมักเกิดบริเวณที่ผิวมีความตึงเครียด เช่น หน้าอก ไหล่ หลัง และใบหู นอกจากนี้ การบีบสิวอาจทำให้รอยแผลเป็นจากสิวรุนแรงขึ้น และการสัมผัสแสงแดดอาจทำให้รอยแผลเป็นจากสิวเข้มขึ้น
หากต้องการลดความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็นจากสิว ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น บีบสิว และการสัมผัสแสงแดด นอกจากนี้ ควรรักษาสิวอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้สิวหายเร็วและไม่รุนแรง
ประเภทของรอยแผลเป็นจากสิว
รอยแผลเป็นจากสิวสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
- รอยแผลเป็นแบบนูน เป็นรอยแผลเป็นที่มีลักษณะนูนขึ้นมาจากผิวปกติ เกิดจากการผลิตคอลลาเจนมากเกินไปในระหว่างที่สิวอักเสบ
- รอยแผลเป็นแบบหลุม เป็นรอยแผลเป็นที่มีลักษณะหลุมลงไปจากผิวปกติ เกิดจากเนื้อเยื่อผิวชั้นล่างถูกทำลายอย่างรุนแรง
รอยแผลเป็นแบบนูน
รอยแผลเป็นแบบนูนสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดย่อยๆ คือ
- รอยแผลเป็นนูนเกิน (hypertrophic scar) เป็นรอยแผลเป็นที่มีลักษณะนูนขึ้นมาจากผิวปกติเล็กน้อย ขอบชัด มักเกิดที่บริเวณใบหน้า ไหล่ หน้าอก และหลัง
- รอยแผลเป็นคีลอยด์ (keloid) เป็นรอยแผลเป็นที่มีลักษณะนูนขึ้นมาจากผิวปกติมาก ขอบไม่ชัด มักเกิดที่บริเวณที่ผิวมีความตึงเครียด เช่น หน้าอก ไหล่ หลัง และใบหู
รอยแผลเป็นแบบหลุม
รอยแผลเป็นแบบหลุมสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิดย่อยๆ คือ
- รอยแผลเป็นแบบ Ice-pick เป็นรอยแผลเป็นหลุมลึก คล้ายตัว V มีขอบชัดเจน
- รอยแผลเป็นแบบ Rolling เป็นรอยแผลเป็นหลุมกว้าง กลมคล้วยตัว U ขอบไม่ชัดเจน
- รอยแผลเป็นแบบ Boxcar เป็นรอยแผลเป็นหลุมกว้าง กลมคล้วยตัว U ขอบชัด มีทั้งแบบตื้นและลึก
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หลุมสิว คลิ๊ก ได้เลยครับ
วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิว
วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิวสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
การรักษารอยสิวแบบไม่ผ่าตัด
เป็นการช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมผิวและลดการอักเสบของผิว โดยอาจใช้ยาทา ครีมบำรุงผิว หรือการทำทรีตเมนต์ต่างๆ เช่น
- ยาทา เช่น กรดเรติโนอิก (Retinoic acid) กรดไกลโคลิค (Glycolic acid) และกรดโคจิก (Kojic acid)
- ครีมบำรุงผิว เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี (Vitamin C) อาร์บูติน (Arbutin) และไฮโดรควินโนน (Hydroquinone)
- การทำทรีตเมนต์ เช่น การผลัดเซลล์ผิวแบบเคมี (Chemical peel) การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Dermabrasion) และการใช้เลเซอร์ (Laser)
การรักษารอยสิวแบบผ่าตัด
เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น โดยอาจใช้วิธีหัตถการทางการแพทย์ต่างๆ เช่น
- การยกกระชับผิว (Tightening procedure) เป็นการยกกระชับผิวเพื่อทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- การผ่าตัดตัดหลุมสิว (Punch excision) เป็นการกรีดผิวแล้วตัดหลุมสิวออก
- การเซาะผังผืด (Subcision) ในกรณีแผลเป็นหลุมสิว
- การฉีดฟิลเลอร์ (Filler injection) เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อเติมเต็มหลุมสิว
การรักษารอยแผลเป็นจากสิวอาจใช้เวลานานและต้องใช้ความอดทน โดยวิธีการรักษาที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของรอยแผลเป็น หากรอยแผลเป็นเป็นรอยแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ อาจต้องรักษาด้วยวิธีการแบบผ่าตัด ในขณะที่รอยแผลเป็นหลุมอาจรักษาได้ด้วยวิธีการแบบไม่ผ่าตัดหรือวิธีการแบบผ่าตัดร่วมกัน
วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วยธรรมชาติ
การรักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วยธรรมชาติอาจใช้เวลานานกว่าการใช้ยาหรือการทำหัตถการทางการแพทย์ แต่หากทำอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้รอยแผลเป็นจางลงได้ แต่หากใครต้องการรักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วยธรรมชาติ สามารถทำได้ด้วย การทาว่านหางจระเข้ มาสก์หน้าด้วยสมุนไพร ดื่มน้ำผลไม้และผัก หลีกเลี่ยงแสงแดด
การดูแลผิวเพื่อลดการเกิดรอยแผลเป็นจากสิว
รอยแผลเป็นจากสิวเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย และสามารถสร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคน การดูแลผิวเพื่อลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิวอย่างถูกวิธีจะช่วยให้รอยแผลเป็นจางลงได้ ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
คำแนะนำในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง หากมีผิวแพ้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยในการลดเลือนรอยแผลเป็น เช่น กรดวิตามินเอ กรดโคจิก กรดกลูโคลิค กรดแลคติก เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่อาจทำให้รอยแผลเป็นเข้มขึ้น เช่น เรตินอล กรดซาลิไซลิก กรดไฮโดรควิโนนิค
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงการเกิดรอยแผลเป็นจากสิว
- หลีกเลี่ยงการแกะ แคะ หรือบีบสิว เพราะจะยิ่งทำให้รอยแผลเป็นแย่ลง
- หลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะแสงแดดเป็นตัวการที่ทำให้รอยแผลเป็นเข้มขึ้น ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำ
การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และลดเลือนรอยแผลเป็นได้ สามารถทำได้ดังนี้
- ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่เหมาะสม
- ใช้โทนเนอร์เพื่อปรับสมดุลของผิว
- ใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยในการลดเลือนรอยแผลเป็น
- มาส์กหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
นอกจากการดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแล้ว การดูแลสุขภาพโดยรวมก็มีส่วนช่วยในการลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิวได้เช่นกัน เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
หากรอยแผลเป็นจากสิวมีความรุนแรง หรือมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการลดรอยแผลเป็นจากสิว
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการลดรอยแผลเป็นจากสิว ได้แก่
- Picosecond laser เป็นเลเซอร์รุ่นใหม่ที่มีความยาวคลื่นสั้นและมีประสิทธิภาพสูง สามารถทำลายเม็ดสีผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ดีกว่าเลเซอร์รุ่นเก่า ส่งผลให้รอยแผลเป็นจากสิวดูจางลงและเรียบเนียนขึ้น
- Fractional laser เป็นเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานออกมาเป็นจุดๆ ทำให้สามารถรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้โดยไม่ทำให้ผิวเรียบเนียนเกินไป
- Radiofrequency microneedling เป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุผ่านเข็มขนาดเล็กๆ ลงสู่ใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวเกิดการฟื้นฟูและผลิตคอลลาเจนใหม่ได้มากขึ้น
- Subcision เป็นการผ่าตัดเล็กเพื่อดันเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังที่ยุบตัวลงให้กลับมาเรียบเนียนขึ้น
- Dermal filler เป็นการใช้สารเติมเต็มเพื่อเติมเต็มหลุมสิวให้ดูตื้นขึ้น
เทคโนโลยีเหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงในการลดรอยแผลเป็นจากสิว ระยะเวลาในการเห็นผลอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
นอกจากเทคโนโลยีเหล่านี้แล้ว ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่กำลังพัฒนาอยู่ เช่น
- Stem cell therapy เป็นการใช้เซลล์ต้นกำเนิดเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวที่เสียหาย
- 3D printing เป็นการใช้เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติเพื่อสร้างผิวหนังใหม่
เทคโนโลยีเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยมากกว่าเทคโนโลยีในปัจจุบัน แต่ยังคงอยู่ในช่วงการวิจัยและพัฒนา
รอยแผลเป็นจากสิว รักษาอย่างไรให้หายขาด
รอยแผลเป็นจากสิวไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาให้จางลงได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงของรอยแผลเป็น วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิว มีดังนี้
- รอยดำ สามารถใช้ยาทาลดรอยดำ เช่น กรดวิตามินเอ กรดโคจิก กรดกลูโคลิค กรดแลคติก เป็นต้น หรือทำเลเซอร์เพื่อทำลายเม็ดสีเมลานิน
- รอยหลุมสิว สามารถใช้เลเซอร์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง หรือทำหัตถการทางการแพทย์ เช่น การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (dermabrasion) การกรอผิวด้วยเลเซอร์ (laser resurfacing) หรือการฉีดฟิลเลอร์ เป็นต้น
- รอยแผลเป็นนูน สามารถลดรอยนูนด้วยเลเซอร์ หรือการฉีดช่วยยับยั้งการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป และช่วยให้แผลเป็นคีลอยด์ยุบตัวลงได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของรอยแผลเป็น รอยแผลเป็นนูนขนาดใหญ่หรือรุนแรงอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับรอยแผลเป็นของแต่ละบุคคล
ใครไม่เหมาะกับการรักษารอยแผลเป็นจากสิว
- การรักษารอยแผลเป็นจากสิวไม่เหมาะกับคนที่มีสิวอักเสบอยู่ เพราะอาจทำให้รอยแผลเป็นแย่ลงได้ นอกจากนี้
- การรักษารอยแผลเป็นจากสิวบางวิธี เช่น การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี การกรอผิวด้วยเลเซอร์ หรือการฉีดฟิลเลอร์ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง บวม แสบ ระคายเคือง หรือผิวไหม้ได้
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้ โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง หรือโรคผิวหนังบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจรักษารอยแผลเป็นจากสิว
- ผู้ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจรักษารอยแผลเป็นจากสิว เนื่องจากบางวิธีอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์หรือทารกที่กินนมแม่ได้
รักษารอยแผลเป็นจากสิว กี่ครั้งหาย ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล?
ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษารอยแผลเป็นจากสิว ที่ เอ็มวีต้าคลินิก ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของรอยแผลเป็น รวมถึงวิธีการรักษาที่ใช้ครับ
- รอยดำจากสิวอาจต้องรักษาต่อเนื่อง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 1 – 2 เดือนขึ้นไป จึงจะเห็นผลชัดเจน
- รอยหลุมสิวอาจต้องรักษาต่อเนื่อง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 2-4 เดือนขึ้นไป จึงจะเห็นผลชัดเจน
- รอยแผลนูน ใช้เวลารักษาต่อเนื่อง 1-3 สัปดาห์ ต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับขนาดรอยนูนครับ
โดยทั่วไปแล้ว การรักษารอยแผลเป็นจากสิวควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับรอยแผลเป็นของแต่ละบุคคล
ก่อนรักษารอยแผลเป็นจากสิว เตรียมตัวอย่างไร
ก่อนรักษารอยแผลเป็นจากสิว ควรเตรียมตัวดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพผิวและความรุนแรงของรอยแผลเป็นจากสิว เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA/BHA อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำการรักษา เนื่องจากกรดเหล่านี้อาจทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำการรักษา เนื่องจากแอลกอฮอล์และบุหรี่อาจทำให้ผิวอ่อนแอลง
- งดรับประทานยาแอสไพรินหรืออาหารเสริมบางชนิด ก่อนทำการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ หากต้องใช้ยารักษาโรค ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา
อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังรักษารอยแผลเป็นจากสิว
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังรักษารอยแผลเป็นจากสิว ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของรอยแผลเป็น รวมถึงวิธีการรักษาที่ใช้
- รอยดำจากแผลสิว ผิวจะแดงเล็กน้อยจากการเลเซอร์ จะค่อยจางไปใน 2 – 3 ชั่วโมงครับ
- รอยแผลเป็นนูน มีเพียงอาการแดงจากการฉีดลดนูน จะค่อยๆดีขึ้นใน 24 ชม. ครับ
- รอยหลุมสิวจากการเลเซอร์และการ subcision จะเป็นแผลสะเก็ดบางๆ จะลอกหลุดไปไม่เกิน 1 สัปดาห์ ครับ
ข้อควรปฏิบัติหลังรักษารอยแผลเป็นจากสิว
ข้อควรปฏิบัติหลังรักษารอยแผลเป็นจากสิว ที่ เอ็มวีต้าคลินิก ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดหลังทำการรักษา อาจะมีผลต่อผลลัพธืการรักษา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องขอความร่วมมือจากคนไข้ครับ
- ทายาตามที่แพทย์สั่ง ยาทาเหล่านี้จะช่วยเร่งกระบวนการรักษารอยแผลเป็น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดด อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังทำการรักษา
- ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำ เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด
- บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรงและเรียบเนียนขึ้น
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่… Line: @mvitaclinic
เลือกคลินิกรักษารอยแผลเป็นจากสิว ที่ไหนดี?
การเลือกคลินิกรักษารอยแผลเป็นจากสิว มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา เช่น ชื่อเสียงของคลินิก ประสบการณ์ของแพทย์ เทคโนโลยีที่ใช้รักษา ความปลอดภัย และราคา
ที่เอ็มวีต้าคลินิก เป็นคลินิกดูแลรักษาด้านผิวพรรณในกรุงเทพมหานคร เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2553 เอ็มวีต้าคลินิก มีผู้ใช้บริการกว่า 10,000+ เคส และแนะนำบอกต่อด้วย คะแนนรีวิว 4.9 จาก 5 ดาว จากรีวิวกว่า 1,000 รีวิว ลูกค้าส่วนใหญ่ให้รีวิวในเชิงบวก โดยชื่นชมในคุณภาพของการรักษา ฝีมือของแพทย์ และบริการของพนักงาน
- มีชื่อเสียงและประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี
- มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรที่มีประสบการณ์
- มีความปลอดภัยสูง
- มีราคาที่สมเหตุสมผล
- เทคโนโลยีที่ใช้รักษาทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
รักษารอยแผลเป็นสิว ที่ เอ็มวีต้า คลินิก
รักษารอยแผลเป็นจากสิวของเอ็มวีต้าคลินิก โดยที่คลินิกหมอจะมีเลเซอร์เฉพาะทางในการรักษารอยแดงสิวและรอยดำสิว เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา และจะใช้ยาทา ยากิน รวมทั้งการผลัดผิวเป็นตัวเสริมให้ผลการรักษาเร็วและชัดเจนขึ้น โดยจะพิจารณาเป็นรายบุคคลตามความเหมาะสมครับ
- วิเคราะห์สภาพผิวและความรุนแรงของรอยแผลเป็นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความรุนแรงของรอยแผลเป็น
- รักษาด้วยเลเซอร์ตามขั้นตอน โดยเลเซอร์ที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามชนิดและความรุนแรงของรอยแผลเป็น
- ดูแลหลังการรักษาอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ให้ผลลัพธ์ที่ดี ยิ่งถ้าใช้เครื่องดีๆยิ่งเห็นผลเร็วและชัดเจน
- ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผลที่รุนแรง สามารถแต่งหน้า และใช้ชีวิตได้ปกติ
- เจ็บแบบทนได้ หากมีขั้นตอนไหนที่อาจะมีการเจ็บ จะใช้ยาชาช่วย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
ค่าใช้จ่ายในการรักษารอยแผลเป็นจากสิว
รักษารอยแผลเป็นจากสิว ที่ เอ็มวีต้า คลินิก จะแบ่งเป็น 3 แบบ การรักษาครับ เพื่อครอบคลุมทุกประเภทของแผลเป็นจากสิว ได้แก่ รอยดำจากสิว รอยแผลหลุมสิว รอยแผลเป็นนูน
รักษารอยดำสิว รอยแดงสิว ร่วมการรักษาสิว ราคา
รักษารอยดำสิว ร่วมการรักษาสิว ในกรณีที่ยังมีสิวอยู่ แนะนำการรักษาร่วมกัน เพื่อลดโอการเกิดรอยแผลสิว และ สิวใหม่ ในอนาคต โปรแกรมนี้ไม่เพียงแต่ลดรอยดำครับ ควบคุมถึงรอยแดงสิว รักษาด้วยเลเซอร์ครบสูตร ด้วยโปรแกรม Medi-Aclear
รักษารอยแผลหลุมสิว
สำหรับรักษาแผลหลุมสิว แนะนำโปรแกรม ANGEL TOUCH ผสมผสานการใช้เครื่องมือ เครื่องเลเซอร์ ตัวยา และเทคนิคการรักษาหลุมสิว ที่มีงานวิจัยรับรองประสิทธิภาพ และทุกตัวผ่านการรับรองจาก อย. เพื่อนำมารักษาหลุมสิวทุกประเภทให้ดีขึ้นอย่างชัดเจนครับ
รักษารอยแผลเป็นนูนจากสิว ราคา
รักษารอยแผลเป็นนูนจากสิว โดยการรักษาที่ เอ็มวีต้า คลินิก เป็นการรักษาจนแผลนูนยุบเรียบกับผิว ด้วยเทคนิคการรักษาดังนี้
- การฉีดลดนูน เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่ง ช่วยยับยั้งการสร้างคอลลาเจนและลดการอักเสบ ลดรอยแผลเป็นที่นูนออกมา ทำให้รอยแผลเป็นนูนยุบลง
- เลเซอร์รักษาแผลเป็นนูน บางชนิดสามารถช่วยสลายคอลลาเจนส่วนเกินและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ ช่วยลดรอยแผลเป็นที่นูนออกมา
- การกรอผิวของคุณด้วยเกล็ดอัญมณี การใช้เกล็ดอัญมณีแบบ microdermabrasion จะกรอเนื้อเยื่อแผลเป็นนูนออกและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ลดรอยแผลเป็นที่นูนออกมา ทำให้รอยแผลเป็นนูนยุบลง
แนะนำเข้ามาปรึกษา เพื่อประเมินการรักษาครับ
รีวิว รักษารอยแผลเป็นจากสิว
รีวิว รักษารอยแผลหลุมสิว
คลิป รีวิว การรักษาหลุมสิว กับ คุณหมอเอ็ม ที่ เอ็มวีต้าคลินิก
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับรอยแผลเป็นจากสิว ( Q & A )
Q : รักษารอยแผลเป็นจากสิว อันตรายไหม ?
รักษารอยแผลเป็นจากสิวโดยทั่วไปแล้วไม่อันตราย แต่อาจเกิดผลข้างเคียงได้บ้าง ขึ้นอยู่กับการเลือกวิธีรักษาที่ใช้ครับ
Q : รักษารอยแผลเป็นจากสิว เจ็บหรือไม่ ?
รักษารอยแผลเป็นจากสิวไม่เจ็บเสมอไป การรักษารอยแผลเป็นจากสิวอาจเจ็บหรือไม่เจ็บ ขึ้นอยู่กับวิธีรักษาและความรุนแรงของรอยแผลเป็น ยาชาช่วยได้ครับ
Q : รักษารอยแผลเป็นจากสิว กี่วันหาย
ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของรอยแผลเป็น โดยทั่วไปแล้วรอยแผลเป็นจากสิวจะหายเองภายใน 4-6 เดือน แต่หากรอยแผลเป็นรุนแรงอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีจึงจะเห็นผลชัดเจน การรักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วยวิธีทางการแพทย์ เช่น การใช้เลเซอร์ การใช้ยาทา หรือการทำศัลยกรรม อาจเห็นผลเร็วกว่าการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ แต่อาจต้องใช้เวลาหลายครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน
Q : อาหารและเครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงหากมีรอยแผลเป็นจากสิว
อาหารและเครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงหากมีรอยแผลเป็นจากสิว ได้แก่ อาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารที่มีคาเฟอีนสูง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สรุปเรื่องรอยแผลเป็นจากสิว
รอยแผลเป็นจากสิวเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคน เพราะอาจทำให้ใบหน้าดูไม่เรียบเนียน ขาดความมั่นใจ เอ็มวีต้าคลินิก ผู้นำด้านการดูแลผิวพรรณและเลเซอร์ เข้าใจถึงความกังวลใจนี้เป็นอย่างดี จึงได้คิดค้นโปรแกรมรักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง และปลอดภัย ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ไร้รอยแผลเป็น
เอ็มวีต้าคลินิกยังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวพรรณโดยเฉพาะ คอยดูแลคุณอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ก่อนการรักษา ในระหว่างการรักษา และหลังการรักษา เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สามารถติดต่อนัดคิวพบหมอ หรือสอบถามโปรโมชั่น ได้ที่…
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
เอกสารอ้างอิง
- Ferreira, M. (2021, Dec 13). How to Best Treat Acne Scars. Healthline. https://www.healthline.com/health/acne-scars#raised-scars
- Emily, D. (2021, Apr 12). What Is Post-Inflammatory ErythemaM These Post-Acne Red SpotsAren’t Scars. The healthy. https://www.thehealthy.com/skin-health/post-inflammatory-erythema/
- Gibson, E. (2022, Oct 25). Acne scars: What’s the best treatment?. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/acne/expert-answers/acne-scars/faq-20058101
- Nicole, W. (2021, Nov 02). What is Post Inflammatory Hyperpigmentation?. WebMD. https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/what-is-post-inflammatory-hyperpigmentation
วันเผยแพร่