โบทูไลนุ่มท็อกซิน (Botulinum Toxin) หรือ โบท็อก (Botox) คือ นวัตกรรมที่ใช้สำหรับลดริ้วรอย ซึ่งสามารถนำมาฉีดเพื่อรักษาริ้วรอยให้เรียบเนียนขึ้นได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น การฉีดโบหน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา ลิฟกรอบหน้าและลำคอ รวมถึงลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ เช่น การฉีดโบลดกราม ฉีดโบลดน่องเรียว
การฉีดโบท็อกเป็นวิธีการเสริมความงามที่เป็นที่นิยมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในทุกๆ ปีจะมีจำนวนผู้เข้ารับการทั่วโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่ค้นพบเทคนิคใหม่ๆ ในการใช้โบท็อกเพื่อการรักษาปัญหาและโรคต่างๆ ทั้งด้านความงามและการรักษาโรคทางกายอื่นๆ เกิดขึ้นทุกวัน ความนิยมอาจเพราะเป็นวิธีที่ช่วยตอบโจทย์ผู้ที่รักความสวยรักงามแบบทันใจเพราะเห็นผลภายใน 3-7 วัน และเห็นผลชัดเจน
บทความนี้หมอจะมาเล่าถึงโบท็อก หรือ โบทูไลนุ่มท็อกซิน ในแง่มุมต่างๆ ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านทุกท่าน ก่อนอื่นหมอขออนุญาตแนะนำตัวเอง หมอชื่อ หมอเอ็ม หรือ นพ. มนตรี อุดมประเสริฐกุล แพทย์ประจำ เอ็มวีต้าคลินิก ครับ
โบท็อก (Botox) คืออะไร
โบทูไลนุ่มท็อกซิน หรือ โบท็อก คือ สารจำพวกโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ผลิตโดยแบคทีเรีย ที่ชื่อว่า คลอสทริเดียม โบทูไลนุ่ม Clostridium botulinum ซึ่งโบท็อกตัวนี้มีฤทธิ์ในการยับยั้งสัญญาณประสาทที่จะมากระตุ้นกล้ามเนื้อให้หดตัว ผลจึงทำให้กล้ามเนื้อตึงมากขึ้น ขยับน้อยลง
ชื่อ โบทูไลนุ่มท็อกซิน (Butollinum Toxin) เป็นชื่อเรียกที่ถูกต้อง แต่มันค่อนข้างยาวและจำยาก ส่วนชื่อ โบท็อก ที่เราเรียกกันติดปากนั้น เป็นชื่อทางการค้าของ ผลิตภัณฑ์ตัวโบทูไลนุ่มท็อกซิน ที่ผลิตจากบริษัท Allergan ที่เป็นผู้คิดค้นและถือลิขสิทธิ์เป็นบริษัทแรกของโลก ชื่อ Botox ทั้งสั้นและเรียกง่าย ก็เลยติดปากทั้งคุณหมอและคนไข้ส่วนใหญ่มาจนปัจจุบันนั่นเอง
กลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อก
ปกติแล้วการทำงานของกล้ามเนื้อ จะเกิดจากการที่ปลายประสาทมีการส่งสารสื่อประสาท (Acetylcholine ; ตัวย่อ ACh) ไปกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เกิดการหดตัวทำให้เกิดการขยับของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ดังรูปนี้
เมื่อหมอได้ทำการฉีดโบท็อกไปในกล้ามเนื้อส่วนที่ต้องการรักษาแล้ว สารโบทูไลนุ่มท็อกซินจะเข้าไปจับที่ปลายประสาท และบล็อคการส่งสารสื่อประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้
เมื่อไม่มีสารสื่อประสาท กล้ามเนื้อก็ไม่ได้รับการกระตุ้น จึงไม่เกิดการหดตัว กล้ามเนื้อจะกลายเป็นคลายตัว และจะค่อยๆ มีขนาดเล็กลง
หลังการฉีดผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน ปลายประสาทก็จะค่อยๆ กลับมาส่งสารสื่อประสาทได้อีกครั้ง ดังนั้น ผลของโบท็อกจึงไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อตายแต่อย่างใด หลังหมดฤทธิ์กล้ามเนื้อมัดนั้นๆ ก็จะกลับมาขยับได้ตามปกติเหมือนเดิม
โบท็อกรักษาอะไรได้บ้าง
เนื่องด้วยคุณสมบัติในการยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อ และทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวมากขึ้นนั้น โบท็อก หรือ โบทูไลนุ่มท็อกซิน จึงสามารถนำมาใช้รักษาอาการดังต่อไปนี้
1. ยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อใบหน้า
การฉีดโบท็อกสามารถช่วยยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าที่ทำให้เกิดริ้วรอยต่างๆ เช่น กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา เป็นต้น รวมถึงการฉีดเพื่อรักษาภาวะโรคที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้ออื่นๆ เช่น ตาเหล่ (Strabismus) เป็นต้น
2. ลดอาการปวดจากการเกร็งกล้ามเนื้อ
เมื่อฉีดโบทูลินัมท็อกซินจะสามารถช่วยลดอาการปวดเกร็งที่เกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อได้ เช่น อาการปวดหัวไมเกรน หรืออาการคอบิดเกร็ง (Cervical dystonia) โดยฉีดให้กล้ามเนื้อคลายตัว เพื่อยับยั้งปลายประสาทที่ส่งสัญญาณความเจ็บไปยังสมอง จึงลดความรุนแรงของอาการปวดไมเกรนได้ดี
3. รักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ
การฉีดโบท็อกสามารถช่วยรักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อชนิดต่างๆ เช่น อาการตากระตุก(Blepharospasm) อาการกล้ามเนื้อขากระตุกที่พบในคนไข้สมองพิการ (Lower limb spasticity from cerebral palsy)
4. ลดขนาดของกล้ามเนื้อ
เมื่อฉีดโบทูไลนุ่มท็อกซินในปริมาณที่มากขึ้น สามารถใช้ช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อ ในบางจุดได้ เช่น ลดขนาดกราม (โบท็อกหน้าเรียว) ลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง เป็นต้น
5. รักษาโรคหรือกลุ่มอาการอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีการฉีดโบท็อกเพื่อรักษากลุ่มอาการหรือโรคอื่นๆ ยกตัวอย่าง เช่น ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (Overactive Bladder) ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary incontinence) ด้วย
โบท็อกฉีดตรงไหนได้บ้าง
ในส่วนนี้หมอก็จะขอขยายความต่อจากบทความด้านบนที่ว่าโบท็อกใช้รักษาอะไรได้บ้าง จากนี้ก็จะเป็นการลงรายละเอียดเฉพาะตำแหน่งที่จะสามารถฉีดโบเพื่อเสริมความงามได้ มีดังต่อไปนี้
1. โบท็อกกราม
โดยปกติแล้วรูปหน้าคนไทยค่อนข้างที่จะมีกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ทำให้กรามดูกว้าง เราสามารถฉีดโบท็อกลดกรามให้มีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ดูหน้าเรียวขึ้น
2. โบท็อกลิฟกรอบหน้า
หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการฉีดโบลิฟกรอบหน้า ซึ่งหากฉีดไปตามแนวกรอบหน้าจะบล็อคกล้ามเนื้อบริเวณคอที่ดึงหน้าลง ทำให้รูปหน้าดูยกขึ้น รวมไปถึงการฉีดโบท็อกคิ้ว เราสามารถปรับรูปคิ้วให้ยกขึ้นหรือได้รูปขึ้นได้
3. โบท็อกริ้วรอย
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ริ้วรอยก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏบนใบหน้า ริ้วรอยเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ จุดที่สามารถฉีดโบลดริ้วรอยให้เลือนหายไปได้ ได้แก่
- โบท็อกหน้าผาก ช่วยให้ริ้วรอยบริเวณหน้าผากเลือนหายและปรับรูปคิ้วได้
- โบท็อกหัวคิ้ว ช่วยลบเลือนริ้วรอยจากการขมวดคิ้ว ทำให้หัวคิ้วดูเรียบเนียน
- โบท็อกตีนกา ช่วยลดริ้วรอยหางตาเวลาที่ยิ้มหรือหัวเราะให้เลือนหายไป
- โบท็อกใต้ตา ช่วยให้ริ้วรอยใต้ตาเวลาที่ยิ้มหรือหัวเราะดูลดลง
- โบท็อกริ้วจมูก ช่วยลบเลือนบันนี่ไลน์ (Bunny lines) หรือริ้วรอยบริเวณสันจมูกให้หายไป
- โบท็อกรอยบุ๋มที่คาง สำหรับบางท่านที่กล้ามเนื้อบริเวณคางแข็งแรง เวลาที่เผลอย่นคางจะเป็นรอยบุ๋มขึ้นมา สามารถฉีดโบเพื่อให้รอยบุ๋มนี้หายไปได้
4. โบท็อกจมูก
การฉีดโบท็อกจมูกสามารถช่วยปรับรูปทรงจมูกให้ดูสวยงามขึ้นได้ โดยจุดที่ฉีด ได้แก่
- โบท็อกปีกจมูก จะช่วยให้ปีกจมูกแคบลง ทรงจมูกดูเรียวขึ้น เหมาะกับท่านที่มีปัญหาปีกจมูกกว้าง
- โบท็อกสันจมูก (โบท็อกรัดแกน) จะช่วยให้สันจมูกคมชัดขึ้น
- โบท็อกปรับปลายจมูก จะช่วยปรับตำแหน่งปลายจมูกให้ยกขึ้นได้เล็กน้อย
5. โบท็อกแก้อาการยิ้มเห็นเหงือก
โบท็อกสามารถช่วยปรับตำแหน่งริมฝีปากบนเวลาที่ยิ้มไม่ให้สูงเกินไปจนเห็นเหงือก ช่วยให้คนไข้ยิ้มได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
6. โบท็อกยกมุมปาก
การฉีดโบท็อกยกมุมปากจะช่วยให้มุมปากยกขึ้นได้เล็กน้อยด้วยการบล็อคกล้ามเนื้อใต้มุมปาก ซึ่งเทคนิคนี้ต้องทำโดยคุณหมอที่มีความชำนาญเพื่อให้มุมปากสองข้างยกขึ้นได้อย่างสมดุล
7. โบท็อกรักแร้
สำหรับท่านที่มีเหงื่อออกใต้วงแขนค่อนข้างเยอะ การฉีดโบท็อกที่รักแร้จะช่วยลดเหงื่อและกลิ่นตัวใต้วงแขนได้ ซึ่งจะช่วยบล็อคการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อลดลงรวมถึงกลิ่นใต้วงแขนก็จะลดลงด้วย
8. โบท็อกปรับรูปร่าง
การฉีดโบท็อกสามารถปรับสัดส่วนของร่างกายให้สวยงามยิ่งขึ้นได้ จุดที่ฉีดได้แก่
- โบท็อกน่อง ช่วยให้กล้ามเนื้อน่องเล็กลง ทำให้น่องเรียวได้รูปสวยงามขึ้น
- โบท็อกบ่า ทำให้กล้ามเนื้อบ่าปูดน้อยลง คอดูงามระหงขึ้น ช่วงคอดูยาวขึ้น
- โบท็อกกล้ามเนื้อไหล่ ให้ไหล่ปูดน้อยลง เพิ่มลุคที่ดูอ่อนโยนเป็นผู้หญิงมากขึ้น
- โบท็อกกล้ามเนื้อต้นแขน ให้กล้ามเนื้อต้นแขนหรือไบเซ็ปส์เล็กลง เหมาะกับคุณผู้หญิงเช่นกัน
9. โบท็อกในข้อบ่งชี้อื่นๆ
ปัจจุบันงานวิจัยใหม่ๆ มีการนำเอาโบท็อกมาใช้เพื่อความงามที่น่าสนใจ ได้แก่
- โบท็อกกระชับรูขุมขน โบท็อกจะออกฤทธิ์ที่ต่อมน้ำมันใต้ผิว จะช่วยให้รูขุมขนเล็กลง เหมาะกับท่านที่มีผิวมัน รูขุมขนกว้าง หรือมีสิว
- โบท็อกแผลเป็นคีลอยด์ มีงานวิจัยที่น่าสนใจในการฉีดโบท็อกเพื่อรักษาคีลอยด์ พบว่าได้ผลดีในระดับนึง อาจใช้เป็นอีกทางเลือกในการรักษาได้
ฉีดโบท็อกอันตรายไหม มีผลข้างเคียงหรือไม่
หากทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ ใช้เทคนิคที่ดี และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานแล้ว ก็นับได้ว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัยมากๆ ให้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่เกิดผลข้างเคียง เพียงแค่อาจจะมีรอยเข็ม รอยช้ำหรืออาการเจ็บบริเวณที่ฉีดบ้างนิดหน่อยซึ่งมักจะหายภายใน 3-5 วัน
ส่วนใหญ่แล้วผลข้างเคียงหรือปัญหาที่อาจเกิดจากการฉีดโบท็อกมักพบในคนไข้ท่านที่เลือกรับบริการกับผู้ที่ไม่ได้เป็นแพทย์หรืออาจจะเป็นแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญเพียงพอ และอีกกรณีนึงคือการฉีดโบท็อกปลอมที่ไม่ผ่าน อย. ครับ ซึ่งอาจจะพบผลข้างเคียงได้ ดังต่อไปนี้
อาการดื้อโบท็อก
หากมีอาการดื้อ Botox แล้วจะทำให้เมื่อฉีดครั้งถัดไปจะเห็นผลลัพธ์น้อยลงหรืออาจไม่เห็นผลลัพธ์เลย ส่วนใหญ่มักเกิดในท่านที่ฉีดโบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดบ่อยเกินไป เช่น ฉีดทุก 1-2 เดือน เป็นต้น
ฉีดไม่ถูกตำแหน่ง
การฉีดโบไม่ถูกตำแหน่งมักพบในคนไข้ท่านที่ฉีดกับผู้ฉีดที่ไม่ใช่แพทย์หรืออาจจะเป็นแพทย์ที่ยังไม่มีความชำนาญเพียงพอ เทคนิคในการฉีดที่ไม่ถูกต้องจะทำให้โบท็อกมีการกระจายตัวไปยังกล้ามเนื้อมัดอื่น เกิดผลข้างเคียง เช่น คิ้วตก ตาตก ยิ้มแข็ง ยิ้มเบี้ยว เป็นต้น
ซึ่งหากเกิดอาการคิ้วตก ตาตก ยิ้มเบี้ยวแล้ว จะไม่มีตัวยาแก้นะครับ ต้องรอประมาณ 6 เดือนให้ฤทธิ์โบท็อกสลายไปเองจึงจะหาย
อักเสบติดเชื้อ
สำหรับการอักเสบติดเชื้อจากการฉีดโบท็อกอันที่จริงแล้วพบได้น้อยมากครับ ส่วนใหญ่ที่พบมักจะเป็นในท่านที่ฉีดกับผู้ฉีดที่ไม่ใช่แพทย์ซึ่งอาจจะไม่มีความรู้ในเรื่องของการฉีดแบบปลอดเชื้อ( sterilization ) ที่ดี จะใช้เข็มที่ไม่สะอาดไม่มีกระบวนการฆ่าเชื้อที่ผิวหนังก่อนกันทำการฉีด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ครับ
ดังนั้นทางที่ดีหมอแนะนำว่าหากคนไข้ต้องการรับบริการ Botox ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานแพทย์ที่มีความชำนาญและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย. จะปลอดภัยที่สุดครับ
ฉีดโบท็อก เหมาะกับใคร
การฉีดโบท็อกเหมาะสำหรับคนไข้ที่
- ต้องการปรับรูปหน้า ให้ดูสวยงามได้สัดส่วนมากขึ้น
- ต้องการลดเลือนริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
- ต้องการปรับสัดส่วนของร่างกายให้ดูสวยงามมากขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
- คนไข้กลุ่มที่ต้องการฉีด Botox เพื่อการรักษาโรค เช่น ไมเกรน อาการหนังตากระตุก เป็นต้น
สำหรับช่วงอายุที่เริ่มทำโบท็อกสำหรับด้านความงามแนะนำว่าสามารถทำได้ในท่านที่อายุ 18 ปีขึ้นไปครับ แต่ถ้ายังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์หรือยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็ควรต้องมีผู้ปกครองเซ็นยินยอมก่อนรับบริการด้วยนะครับ
ใครที่ไม่ควรฉีด Botox
หมอไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกในท่านที่
- กำลังตั้งครรภ์
- กำลังให้นมบุตรอยู่
- ท่านที่มีสภาวะผิดปกติของเส้นประสาทส่วนปลายร่วมกับกล้ามเนื้อ (Neuromuscular Disorder) เช่น โรค Myasthenia Gravis
- ท่านที่มีโรค ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) ครับ
เตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดโบท็อก
สำหรับการปฏิบัติตัวก่อนเข้ารับการฉีด Botoxไม่ได้ถือเป็นข้อบังคับที่จะต้องทำอย่างเคร่งครัด หากท่านใดไม่สะดวกที่จะปฏิบัติตามนี้ก็ยังสามารถเข้ารับการฉีด Botox ได้ตามปกติ
เพียงแต่หากสามารถปฏิบัติได้ตามนี้จะช่วยให้ผลการรักษาเป็นไปได้อย่างดีที่สุด และสามารถลดผลข้างเคียงเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเกิดจากการฉีด เช่น รอยฟกช้ำ รอยเข็ม ให้มีโอกาสเกิดน้อยลงได้มากที่สุด
โดยวิธีเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อก มีดังนี้
- หากเป็นไปได้ ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด กลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Ibuprofen, Naproxen, วิตามินอี, น้ำมันปลา, ใบแปะก๊วย เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อลดการเกิดรอยฟกช้ำ
- หากเป็นไปได้ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา
- ถ้ามีประวัติของโรคเริมบริเวณริมฝีปากควรแจ้งแพทย์ก่อนรับการรักษา เพราะคุณหมออาจจะพิจารณา ให้ยาป้องกันการกำเริบของโรคเริม หลังฉีดได้ในบางท่าน
- หากเป็นไปได้ให้วางแผนรับบริการ Botox ก่อนงานสำคัญต่างๆ เช่น งานแต่งงาน หรือก่อนไปเที่ยวสักอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์เผื่อกรณีที่หลังฉีดมีรอยฟกช้ำจะได้มีเวลาหายทัน
ขั้นตอนการฉีดโบท็อก
สำหรับท่านที่สนใจอยากรับบริการฉีด Botox แล้ว ก็คงอยากทราบถึงขั้นตอน ว่าเป็นอย่างไรบ้างใช่ไหมครับ หมอขอบอกเลยว่าจริงๆ แล้วขั้นตอนการฉีดโบท็อกนั้นไม่ยุ่งยากเลย แจกแจงเป็นลำดับได้ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ปรึกษาแพทย์
คนไข้จะได้เข้าพบคุณหมอและขอคำปรึกษา คุณหมอประเมินความต้องการของคนไข้และแนะนำตำแหน่งที่ควรฉีด Botox ปริมาณยูนิตที่ใช้ รวมถึงแนะนำแบรนด์ของ Botox ที่ใช้ เพื่อให้คนไข้ได้ตัดสินใจเลือกก่อนทำการรักษา
ขั้นตอนที่ 2 ทำความสะอาดผิวหน้า
เมื่อคนไข้ตัดสินใจเลือกรับบริการแล้วคุณหมอก็จะส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลคนไข้โดยจะทำการคลีนเช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้าออกให้สะอาด เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการลงยาชาในลำดับถัดไป
ขั้นตอนที่ 3 ทายาชา – เช็ดยาชา
ต่อมาจะทำการลงยาชาทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีเพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายมากขึ้นเวลาฉีดครับ และจะทำการเช็ดยาชาออกให้สะอาดอีกครั้ง และเชิญคนไข้ไปที่ห้องฉีด
ขั้นตอนที่ 4 เช็คผลิตภัณฑ์
เมื่อเข้ามาในห้องฉีด คุณหมอจะนำผลิตภัณฑ์มาแนะนำให้คนไข้ เพื่อเช็คว่าเป็นโบท็อกของแท้ ตรวจสอบได้ รวมถึงแกะกล่องผสมยาต่อหน้า
ขั้นตอนที่ 5 มาร์คจุดตำแหน่งฉีด
หลังจากเตรียมยาเสร็จ คุณหมอจะเริ่มทำการมาร์คตำแหน่งฉีดบนใบหน้าเพื่อเป็นไกด์ไลน์ก่อนทำการฉีดจริงครับ
ขั้นตอนที่ 6 ทำการฉีด Botox
เมื่อทุกอย่างพร้อมเรียบร้อยคุณหมอจะทำการฉีดโบท็อกตามตำแหน่งที่ได้ไกด์ไลน์ไว้ ใช้เวลาไม่นานนัก ประมาณ 10-15 นาทีก็เป็นอันเสร็จครับ
ขั้นตอนที่ 7 แนะนำการดูแลหลังฉีด
เมื่อฉีด Botox เสร็จเรียบร้อย พนักงานจะแนะนำวิธีการดูแลตนเอง ข้อปฏิบัติ ข้อห้าม หลังการฉีดโบท็อก ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่ง เพราะอาจมีผลต่อผลลัพธ์หลังฉีดครับ
ขั้นตอนที่ 8 นัดหมายเพื่อเช็คอัพ
ปกติที่เอ็มวีต้าคลินิก หมอจะมีการนัดคนไข้กลับมาตรวจเช็คซ้ำอีกรอบนึงที่ประมาณ 2 สัปดาห์เพื่อเช็คอัพและอาจจะมีการฉีด Botox เติมให้บางจุดเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบครับ
ดูแลตัวเองอย่างไรหลังฉีด Botox
สำหรับข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดโบท็อกที่หมอแนะนำ มีดังนี้
- หลังฉีด Botox 1-2 ชั่วโมงแรก พยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด เพื่อให้โบท็อกกระจายเข้ากล้ามเนื้อได้มากขึ้น
- หลังการฉีด 4 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการก้มหน้าหรือนอนราบ
- 1 สัปดาห์หลังการรักษา อย่านวด กด หรือกระทำการอันใดที่จะมีผลต่อบริเวณที่รักษาเป็นเวลา เช่น สวมหมวก สวมหมวกกันน็อค หรือนวดหน้า
- ในช่วง 1 สัปดาห์หลังฉีด งดการอยู่ในที่ร้อนเช่น อบซาวน่า ปรุงอาหารหน้าเตาร้อน หรือการออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอ
- หลังการรักษาสามารถใช้เครื่องสำอางได้ แต่ควรเบามือ หลีกเลี่ยงการกดถูรุนแรง
- สามารถใช้น้ำแข็งประคบในกรณีที่มีอาการบวมแดงหรือช้ำได้ โดยรอยนูนจากการฉีดจะหายไปเอง ภายในเวลา 1-7 วัน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ต่อไป อย่างน้อย 3-7 วัน
- หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ให้ติดต่อทางคลินิกหรือกลับมาพบคุณหมอครับ
หลังฉีดโบท็อก ห้ามทำอะไร
7 อย่างสำคัญที่ห้ามทำช่วงหลังฉีดโบท็อก มีดังนี้
- ห้ามถู นวดใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณจุดที่ฉีด เพื่อให้รอยเข็มหายเร็ว หากถูนวดตรงรอยเข็มอาจทำให้ระคายเคืองและแดงขึ้น หรือทำให้เกิดรอยฟกช้ำ
- นอนหรือคว่ำหน้าหลังฉีด อย่างน้อยควรรอสัก 4 ชั่วโมงก่อนจึงจะนอนได้
- ออกกำลังกายหนักๆ ควรหลีกเลี่ยงโดยเฉพาะการออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอทุกชนิด เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เข้าคลาสแดนซ์ เป็นต้น เพราะอาจทำให้เกิดการเจ็บ และขัดขวางการออกฤทธิ์ของโบท็อกต่อจุดที่ฉีดได้
- ดื่มแอลกอฮอล์ เบียร์ เหล้า ไวน์ จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดรอยฟกช้ำตามจุดที่ฉีดได้ โดยควรเลี่ยงการดื่มอย่างน้อย 3-7 วัน
- ยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออกง่าย ได้แก่ ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs วิตามินอี น้ำมันตับปลา น้ำมันอีฟนิ่งพรีมโรส เป็นต้น ก็สามาถทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่ายเช่นกัน ควรงดอย่างน้อย 3-7 วันหลังฉีด
- งดล้างหน้าและทาครีม หลังฉีดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ให้รอยเข็มสมานดีก่อนเพื่อป้องกันแผลติดเชื้อ
- หลบแดด เลี่ยงความร้อน แสงแดดและความร้อนอาจทำให้ผิวหนังอักเสบ รอยเข็มอาจบวมขึ้นหรือแดงนานกว่าที่ควร จึงควรเลี่ยงอย่างน้อย 1 สัปดาห์
ฉีดโบท็อกกี่วันเห็นผล
สำหรับคำถามที่ว่าฉีด Botox กี่วันเห็นผล? โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี
- การฉีด Botox ที่บริเวณกล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น หน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา คนไข้สามารถเริ่มสังเกตเห็นผลได้หลังฉีดประมาณวันที่ 3 และผลจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ผลลัพธ์สูงสุดอยู่ที่ประมาณวันที่ 7 หลังฉีด
- ส่วนการฉีดโบท็อกบริเวณกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อกราม หรือบริเวณน่อง จะใช้เวลาในการเห็นผลช้ากว่า โดยส่วนใหญ่หลังฉีดคนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นผลที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด และเห็นผลลัพธ์ได้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 2 เดือน
ฉีดโบท็อกแล้วจะมีผลอยู่ได้นานเท่าไหร่
โดยทั่วไปฤทธิ์ของโบท็อกจะอยู่ประมาณ 4-6 เดือนครับ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยได้เช่นกัน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์
ระยะเวลาการเห็นผลขึ้นกับหลายปัจจัย ได้แก่
แบรนด์ของโบท็อกที่เลือกใช้
เนื่องจากโบท็อกแต่ละแบรนด์จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ในแง่ของการออกฤทธิ์ก็เช่นเดียวกันแต่ละแบรนด์ก็จะมีระยะเวลาในการออกฤทธิ์ไม่เท่ากัน ซึ่งรายละเอียดหมอได้สรุปเอาไว้ในหัวข้อของ Botox แต่ละแบรนด์ไว้เรียบร้อยแล้วครับ
โดสที่ฉีด
แน่นอนว่าปริมาณโดสของโบท็อกที่ใช้ย่อมมีผลกับระยะเวลาในการออกฤทธิ์ หากเราใช้โดสน้อยผลลัพธ์ก็ย่อมจะอยู่ได้นานน้อยกว่า
แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้องใช้ dose สูงมากๆ จนเกินพอดีในกล้ามเนื้อแต่ละมัดนะครับ กล้ามเนื้อแต่ละมัดนั้นจะมีปริมาณโดสที่เหมาะสมที่ควรฉีดอยู่ในระดับประมาณนึง ที่หากเราฉีดเกินจากนี้ก็จะไม่ได้อยู่นานขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น กล้ามเนื้อหน้าผาก ปกติขนาดของยาที่แนะนำคือสูงสุดไม่ควรมากเกิน 20-30 ยูนิต หากเราฉีดเกินจากนี้ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะไม่นานขึ้นครับ
ความเข้มข้นของตัวยา (ใส่น้ำเกลือมากหรือน้อย)
เทคนิคการผสมยาเพื่อให้ได้โบท็อกที่มีความเข้มข้นแตกต่างกันก็มีผลที่จะทำให้ระยะเวลาที่ตัว Botox ออกฤทธิ์นานแตกต่างกันเช่นกัน
ในบางครั้งที่คนไข้ต้องการผลลัพธ์การฉีด Botox ที่ดูเป็นธรรมชาติมากๆ ไม่ต้องการความแข็งตึงคุณหมอบางท่านก็จะใช้เทคนิคการผสมยาในปริมาณยูนิตเท่าเดิมแต่ให้มีความเข้มข้นน้อยลงก็คือผสมน้ำเกลือมากขึ้นแต่ตัวยายังเท่าเดิม
เทคนิคแบบนี้จะทำให้เมื่อฉีดออกมาแล้วผลลัพธ์จะดูไม่แข็งตึงมากเกินไปและดูเป็นธรรมชาติมากกว่าแต่อาจจะทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานน้อยลง
แนวโน้มการใช้กล้ามเนื้อมัดนั้นของแต่ละบุคคล
ในคนไข้บางท่านจะมีแนวโน้มใช้งานกล้ามเนื้อบางมัดบ่อยกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่นคนไข้บางท่านมักจะชอบเผลอขมวดคิ้วโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวบ่อยๆ ลักษณะแบบนี้ทางการแพทย์เรียกว่า Hyperactive Muscle ครับ
ซึ่งการฉีดโบท็อกบริเวณกล้ามเนื้อที่เป็น Hyperative Muscle ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะอยู่นานน้อยกว่าปกติได้
สภาวะความดื้อโบท็อก
คนไข้บางท่านโดยเฉพาะท่านที่รับบริการฉีดโบท็อกมาหลายครั้งอย่างต่อเนื่องอาจจะเกิดภาวะที่ Botox ได้โดยไม่รู้ตัว
ซึ่งบางท่านจะสังเกตได้ว่าฉีดโบท็อกช่วงหลังๆ มาจะอยู่นานน้อยลงทั้งๆ ที่ฉีดแบรนด์เดิมมาโดยตลอด อันนี้อาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าท่านมีภาวะดื้อ Botox ก็เป็นได้
Lifestyle การใช้ชีวิต
นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การเข้าสตีม ซาวน่าบ่อยๆ หรือการออกกำลังกายหนักๆ เป็นประจำ อาจทำให้ผลลัพธ์ของโบท็อกอยู่ได้นานน้อยลงได้เช่นกัน
โบท็อกยี่ห้อไหนดี? ดูอย่างไรยี่ห้อไหนผ่าน อย.
อันดับแรกเลยที่สำคัญที่สุดในการที่จะเลือกยี่ห้อโบท็อกที่ดีคือ Botox นั้นต้องผ่านการรับรองโดย อย. แล้ว ดังนั้นเบื้องต้นหมอจะแนะนำโบท็อกทุกยี่ห้อที่ผ่าน อย. ไทยในขณะนี้ พร้อมทั้งบอกข้อดีของแต่ละยี่ห้อ
ซึ่งเอาจริงๆ แล้วแต่ละยี่ห้อก็มีข้อดีที่แตกต่างกัน มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน อยู่ที่คนไข้จะเลือกให้ตรงกับความต้องการของตนเอง ชอบจุดดีของแบรนด์ไหนก็เลือกใช้แบรนด์นั้นได้เลย
1. โบท็อกอเมริกา
Botox Allergan หรือ โบท็อกอเมริกา เป็น Botox ที่ถูกคิดค้นและวิจัยขึ้นเป็นยี่ห้อแรกของโลกมีงานวิจัยรับรองมากที่สุด คุณสมบัติพิเศษของ Botox ยี่ห้อนี้คือจะมีการกระจายตัวน้อยทำให้มีความแม่นยำและออกฤทธิ์ได้ดี เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการความตึง เห็นผลอย่างชัดเจน และผลลัพธ์อยู่ได้นานถึงประมาณ 4-6 เดือน
2. โบท็อกเยอรมัน
โบท็อก Xeomin เป็นโบท็อกสัญชาติเยอรมันที่มีจุดเด่นในด้านความบริสุทธิ์ 100% ปราศจาก ‘Complexing Proteins’ จึงเด่นในเรื่องไม่ก่อให้เกิดอาการดื้อ Botox
ในแง่คุณสมบัติ โบท็อกยี่ห้อนี้จะกระจายตัวน้อย ทำให้มีความแม่นยำ ส่วนการออกฤทธิ์จะค่อนข้างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการทำโบลิฟกรอบหน้า เก็บริ้วรอย ที่เน้นความธรรมชาติมากๆ ผลลัพธ์คงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน เห็นผลได้ดีในเคสที่มีการดื้อโบครับ
3. โบท็อกอังกฤษ
Dysport Botox สัญชาติอังกฤษ มีจุดเด่นในเรื่องของความเห็นผลเร็ว อาจเริ่มเห็นผลตั้งแต่ 24 ชั่วโมงหลังฉีด ลักษณะการกระจายตัวของยาค่อนข้างกว้างทำให้เหมาะสำหรับการฉีดลิฟกรอบหน้าหรือกราม จะได้ผลค่อนข้างดีครับ
นอกจากนี้ อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องของ Unit ของ Botox ยี่ห้อนี้จะนับไม่เหมือนแบรนด์อื่น โดยคร่าวๆ ประมาณ 250 ยูนิตของโบท็อกยี่ห้อ Dysport เท่ากับ 100 ยูนิตของแบรนด์อื่นครับ
4. โบท็อกเกาหลี
ในปัจจุบันโบท็อกจากประเทศเกาหลีมีหลายยี่ห้อที่ผ่าน อย. ไทย ดังนี้ครับ
- Neuronox เป็นโบท็อกซ์สัญชาติเกาหลีที่มีความบริสุทธิ์สูง ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ และมีโอกาสเกิดอาการแพ้น้อย ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้เรียว และแก้ปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหดเกร็ง
- Hugel Toxin เป็นโบท็อกเกาหลีที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของความตึงครับ เห็นผลดีค่อนข้างชัดเจนและคงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน เป็นโบท็อกเกาหลียี่ห้อที่ส่วนตัวหมอรู้สึกว่าค่อนข้างมีความเสถียรในแง่ของผลลัพธ์มากเป็นอันดับต้นๆ หากเทียบกับโบท็อกเกาหลีแบรนด์อื่นๆ
- Nabota เป็น Botox เกาหลีที่มีคุณสมบัติค่อนข้างใกล้เคียงกับ Botox Allergan มากที่สุด ในแง่ของคุณสมบัติ ตัวยาแบรนด์นี้จะค่อนข้างตึงดี ผลลัพธ์อยู่นานประมาณ 4-6 เดือน
- Aestox Botox เกาหลีอีกแบรนด์ที่มีจุดเด่นในแง่ของความเป็นธรรมชาติ ตึงกำลังดี การกระจายตัวของยาไม่กว้างมากนัก ตัวนี้ผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
- Clodew Botox สัญชาติเกาหลีอีก 1 แบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานนัก ตัวนี้เน้นจุดเด่นความเป็นธรรมชาติไม่แข็งตึงเกินไป ผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
5. โบท็อกฮ่องกง
BTXA โบท็อกฮ่องกงที่มีโรงงานผลิตอยู่ในประเทศจีน แบรนด์นี้มีจุดเด่นในเรื่องของราคาที่จับต้องได้แล้วก็โดดเด่นในเรื่องของความตึงเหมาะสำหรับท่านที่ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ตัวนี้ผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
โดยสรุปจะเห็นได้ว่าโบท็อกในประเทศไทยมีหลายแบรนด์เลยที่ผ่าน อย. แล้ว โดยสามารถเช็คผ่านเว็บของทาง อย. ได้โดยตรง ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป การจะตัดสินใจเลือกฉีดแบรนด์ไหนก็อยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล แต่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือเมื่อเลือกแบรนด์แล้วต้องมั่นใจว่าตัวยาที่ใช้นั้นเป็นของแท้จริงๆ
ฉีดโบท็อกราคาเท่าไหร่
สำหรับราคาในการฉีด Botox จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย เพราะโบท็อกแต่ละยี่ห้อจะมีราคายูนิตไม่เท่ากันอยู่แล้ว และในการฉีดแต่ละจุด ในแต่ละท่านก็ใช้จำนวนยูนิตที่ไม่เท่ากัน ซึ่งโดยทั่วไปราคาก็จะคิดตามยูนิต
นอกจากนี้หากเทียบราคา Botox ยี่ห้อเดียวกันในแต่ละคลินิกก็จะมีราคาที่ไม่เท่ากันอีก ดังนั้นคนไข้จึงจำเป็นต้องพิจารณาเลือก โดยคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวที่กล่าวมาทั้งหมด
อย่างที่เอ็มวีต้าคลินิก หมอจะมีราคาให้คนไทยเลือกหลายแบบ มีทั้งราคาที่คิดตามจำนวนยูนิตจริงที่ใช้ ซึ่งมักจะแนะนำในท่านที่ต้องการฉีดบนใบหน้าเพียง 1-2 ตำแหน่งเท่านั้น
และมีราคาที่คิดเป็นแบบ Package ซึ่งมี 2 แพ็คเกจให้เลือกครับ ได้แก่
- แพ็คเกจ “All about Wrinkles” สำหรับฉีดริ้วรอย หน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา 3 จุดแบบไม่จำกัดยูนิต
- แพ็คเกจ “M V Shape” สำหรับฉีดลดกรามแบบไม่จำกัดยูนิต แบบแพ็คเกจนี้จะเหมาะสำหรับท่านที่ต้องการฉีดเน้นเฉพาะตาม Package ครับ
และสุดท้ายจะเป็นราคาแบบเหมาขวด 100 ยูนิต “Full Bottle Package” ซึ่งสำหรับท่านที่ต้องการฉีดหลายตำแหน่งหมอแนะนำว่าฉีดแบบนี้จะดีที่สุดครับ เพราะเราจะได้ใช้โบท็อกขวดนี้เป็นของเราเองทั้งขวด ได้ปรับทั้งริ้วรอยและรูปหน้าไปพร้อมๆ กันทั่วใบหน้า และนอกจากนี้ราคาแบบเหมาขวดนี้ทางเอ็มวีต้าคลินิกจะพิเศษมีโปรโมชั่นแถมเมโสแฟตให้อีกสองโดสอีกด้วย ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าและได้ประโยชน์มากที่สุดครับ
ฉีดโบท็อกที่ไหนดี
ในปัจจุบัน การฉีดโบท็อกเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะราคาไม่สูง มีความปลอดภัย เห็นผลเร็ว ในการช่วยลบเลือนริ้วรอย ปรับหน้าเรียว และแก้ไขปัญหาส่วนอื่นๆ ของร่างกาย และคลินิกที่ให้บริการฉีดโบท็อกนั้นก็มีมากมาย ในการที่คนไข้จะตัดสินใจเลือกรับบริการฉีดโบท็อกที่ไหนดีนั้น มาดูกันครับว่าควรเลือกจากอะไร
- ข้อแรก ตรวจสอบให้แน่ชัด ว่าคลินิกนั้น ได้เปิดอย่างถูกต้อง ได้รับรองภายใต้กระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ สำคัญที่สุดที่ต้องดู สามารถตรวจสอบได้จาก ป้ายชื่อคลินิกและเลขใบอนุญาต 11 หลัก และชื่อแพทย์ โดยเช็คได้จาก https://checkmd.tmc.or.th/ ครับ
- คลินิกควรสะอาด ปลอดภัย พื้นที่กว้างขวาง ไม่แออัด
- ฝีมือ และ ประสบการณ์ของแพทย์สำคัญมากๆ ครับ ไม่ใช่แพทย์ทุกคนจะฉีดได้ และไม่มีพนักงานหรือพยาบาลเป็นผู้ฉีดให้นะครับ เทคนิคการฉีดมีความสำคัญ จึงควรเลือกรับบริการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มายาวนานเท่านั้น เพราะจะต้องมีความแม่นยำในการฉีด และต้องประเมินจำนวนยาที่ใช้ในแต่ละจุดได้อย่างเหมาะสมครับ
- ทีมแพทย์ที่มีความรู้เป็นอย่างดี สามารถประเมินใบหน้าอย่างเชี่ยวชาญ และแนะนำการรักษาที่เหมาะสม ไม่ Hard Sell จนเกินไป สามารถออกแบบและประเมินใบหน้าในสัดส่วนที่พอดี และเป็นธรรมชาติ สิ่งไหนควรทำ หรือไม่ควรทำ ต้องแนะนำอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจครับ
- การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ยี่ห้อของ Botox ที่ผ่าน อย. และตรวจสอบได้ แน่ใจว่าคลินิกนั้นยินดีให้ตรวจสอบยา และเปิดกล่องผลิตภัณฑ์ต่อหน้า กล่องใหม่ ที่สะอาด ปลอดภัย และไร้สิ่งเจือปน
- ราคาที่เหมาะสม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ปริมาณในการใช้ ควบคู่ไปกับราคาที่เหมาะสมครับ
- รีวิว ที่น่าเชื่อถือ และเป็นรีวิวจากผู้มาใช้บริการจริง สามารถตรวจสอบได้จากทุกช่องทาง ที่สามารถเขียนรีวิวได้ เพื่อให้มีความมั่นใจในการเข้าไปรับบริการครับ
- มีช่องทางการติดต่อที่สะดวก รวดเร็ว
ทำไมต้องฉีดโบท็อกที่ Mvita Clinic
- เอ็มวีต้า คลินิก มีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้อง และตัวหมอเอง นพ.มนตรี อุดมประเสริฐกุล มีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง (เอ็มวีต้าคลินิกเวชกรรม เลขที่ใบอนุญาต : 10101007357)
- ตัวหมอเอง มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกมายาวนานถึง 14 ปี มีเทคนิคพิเศษในการฉีดในแต่ละตำแหน่งเป็นเทคนิคเฉพาะตัว ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และไม่เกิดผลข้างเคียงครับ
- มีบริการดูแลหลังฉีดที่ดี โดยจะมีนัดเช็คอัพที่ 2 สัปดาห์หลังฉีด และหากมีจุดใดที่ต้องฉีดเพิ่ม หมอยินดีดูแลให้เพื่อผลลัพธ์ที่เพอร์เฟคครับ
- ที่ เอ็มวีต้า คลินิก จะประเมินใบหน้าโดยแพทย์ทุกเคส และไม่มีพนักงาน Hard Sell คุณหมอจะแนะนำตำแหน่งที่ควรฉีด และไม่ควรฉีดอย่างเหมาะสมกับคนไข้แต่ละท่านครับ
- ที่ เอ็มวีต้า คลินิก ใช้ Botox ของแท้ รับจากบริษัทนำเข้าอย่างถูกต้อง ยินดีให้ตรวจสอบก่อนฉีดให้คนไข้ทุกเคส สามารถเช็คชื่อคลินิกได้ที่ Website ของแต่ละแบรนด์ได้ครับ
- อุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์ที่ เอ็มวีต้า คลินิก สะอาด ทันสมัย พร้อมใช้งาน และมีตัวช่วยในการลดความเจ็บขณะฉีด ด้วยการลงยาชาก่อนฉีดทุกเคส โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม มีเครื่องเป่าลมเย็นลดอาการเจ็บ เครื่องสั่นลดการเจ็บ และตัว Vein Viewer ส่องเส้นเลือด เพื่อลดการโดนเส้นเลือดขณะฉีด ทำให้บวมน้อย ช้ำน้อยที่สุดครับ
- รีวิวจากทางคลินิก เอ็มวีต้า คลินิก รีวิวจากผู้ได้รับการรักษาจริง ไม่ว่าจะเป็นรีวิวจากทาง Facebook, Google Map, Wongnai, Website รวมคลินิก และรีวิวจากคลินิกเอง เป็นรีวิวจากลูกค้าที่เข้ามารับบริการจริงครับ
- รางวัลการันตี ที่ เอ็มวีต้า คลินิก โดย หมอเอ็ม นพ.มนตรี อุดมประเสริฐกุล ได้รับรางวัล และใบ Certificate มากมาย ยืนยันและการันตีในคุณภาพ และการให้บริการครับ
คำถามที่พบบ่อย
ฉีดโบท็อกแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน
ระยะเวลาการออกฤทธิ์ของ Botox นั้น โดยปกติ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น ยี่ห้อที่ฉีด ขนาดของยูนิตที่ใช้ เทคนิคในการฉีด และนอกจากนี้ปัจจัยในส่วนของคนไข้แต่ละท่านก็มีผลต่อระยะเวลาของโบท็อกเช่นกัน ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วอย่างละเอียดในหัวข้อด้านบนครับ
ซึ่งโดยปกติแล้วระยะเวลาการออกฤทธิ์ของ Botox จะอยู่ที่ประมาณ 4-6 เดือนครับ
แพ้โบท็อก ดูอย่างไร
สำหรับอาการแพ้ Botox ถึงแม้ว่าจะเกิดได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วต้องบอกว่าพบน้อยมากๆ ครับ ในประเทศไทยเท่าที่หมอทราบยังไม่เคยพบคนไข้ที่มีอาการแพ้เลยครับ ส่วนในต่างประเทศ จนถึง ณ วันนี้ก็พบรายงานเคสที่แพ้เพียง 1-2 เคส ตั้งแต่มีการฉีด Botox มาอย่างยาวนานทั่วโลกครับ
สำหรับอาการที่เป็นลักษณะของการแพ้โบท็อก มีดังต่อไปนี้ครับ
- ปากบวม คอบวมหรือใบหน้าบวมขึ้น
- หายใจลำบาก
- หอบหืด
- คัน หรือมีผื่นลมพิษ
ซึ่งอาการแพ้หากเกิดขึ้นก็ไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต สามารถรักษาได้ครับอย่างไรก็ตามเนื่องจากพบได้น้อย ในทางปฏิบัติจึงไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจอาการแพ้ต่อ Botox ในคนไข้ก่อนฉีด และหมอขอยืนยันเลยว่าคนไข้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของการแพ้นะครับ เพราะโอกาสเกิดน้อยมากจริงๆครับ
โบท็อกต่างจากฟิลเลอร์อย่างไร
Botox กับฟิลเลอร์ มีคุณสมบัติในการรักษาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ
- โบท็อก มีคุณสมบัติหลักๆ คือ การลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น ฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอย นิยมในการฉีดโบกรามเพื่อลดสัดส่วนบนใบหน้า ลดการทำงานกล้างเนื้อบ่า น่อง หรือ Botox รักแร้ลดการทำงานของต่อมเหงื่อใต้วงแขน เป็นต้นครับ
- ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็ม เพื่อเติมเต็มส่วนที่หายไป ไม่ได้รูป เช่น บริเวณใต้ตาที่ดำคล้ำ ลึก ใช้ฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มได้ครับ บริเวณร่องแก้ม ร่องขมับลึก หรือเติมเต็มริมฝีปากให้ได้รูปสวยงาม เป็นต้นครับ
โบท็อกอเมริกาต่างจากโบท็อกเกาหลีอย่างไร
Botox อเมริกาและเกาหลี แต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นต่างกันไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติ ความบริสุทธิ์ของตัวยา protein complex ระยะเวลาที่ออกฤทธิ์ ขนาดของยูนิต ราคา รวมถึงความต้องการในการฉีดรักษาแต่ละบริเวณ สามารถเปรียบเทียบกันได้ดังนี้
- โบท็อกอเมริกา Allergan Botox: มีความบริสุทธิ์มากลดโอกาสในการดื้อยาได้ มีการออกฤทธิ์ที่แม่นยำ ตัวยาเมื่อฉีดแล้วจะกระจายตัวน้อย ระยะเวลาออกฤทธิ์นานกว่า Botox เกาหลี คือประมาณ 4-6 เดือน แต่ราคาจะค่อนข้างสูง
- โบท็อกเกาหลี Hugel Toxin: ออกฤทธิ์ไวกว่า Botox อเมริกาเล็กน้อย เห็นผลไวปลอดภัยจากสารปนเปื้อน ป้องกันการดื้อยาได้ในระดับนึง อยู่ได้นานประมาณ 3-5 เดือน
รีวิวโบท็อก
รีวิว โบท็อกลดตีนกา โบท็อกหางตา จากคุณนัตโต่ะ
รีวิว โบท็อกลดริ้วรอยทั่วใบหน้า จาก คุณส้ม ศศิธร
รีวิว โบท็อกกราม ลดขนาดปีกจมูก จาก น้องมังกร
รีวิว โบท็อกลดริ้วรอย หน้าผาก หัวคิ้ว จาก น้องมังกร
รีวิว โบท็อกลดริ้วรอยหน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา จาก คุณกันดั้ม
รีวิว โบท็อกกราม จาก คุณอุ้ม
ข้อสรุป
จะเห็นได้ว่าการฉีดโบท็อกสามารถรักษาปัญหา ทั้งด้านความงามและโรคบางชนิดอย่างได้ผลดี และปลอดภัยมากๆ หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานผ่าน อย. อีกทั้งขั้นตอนการรักษาก็ใช้เวลาไม่นานด้วยครับ
หากท่านใดอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกสนใจ อยากเข้ารับบริการโบท็อก หรือหากอยากต้องการประเมินผิวหน้า สามารถติดต่อนัดคิวพบหมอ หรือสอบถามโปรโมชั่น ได้ที่…
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
เอกสารอ้างอิง
- Kane MAC, Monheit G. The practical use of AbobotulinumtoxinA in aesthetics. Aesthet Surg J. 2017;37(suppl_1):S12-S19. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5434487/?report=reader
- Samizadeh S, De Boulle K. Botulinum neurotoxin formulations: overcoming the confusion. Clin Cosmet Investig Dermatol. 2018;11:273-287. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5988049/?report=reader
- Montecucco C, Molgó J. Botulinal neurotoxins: revival of an old killer. Curr Opin Pharmacol. 2005;5(3):274–279. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/15907915
- Pirazzini M, Rossetto O, Eleopra R, Montecucco C. Botulinum neurotoxins: biology, pharmacology, and toxicology. Pharmacol Rev. 2017;69(2):200–235. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5394922/?report=reader
- Burgen AS, Dickens F, Zatman LJ. The action of botulinum toxin on the neuro-muscular junction. J Physiol. 1949;109:10–24. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1392572/
วันเผยแพร่