วิธี ลดริ้วรอยรอบดวงตา
เคยมีคำกล่าวที่ว่าดวงตาเปรียบเสมือนหน้าต่างของดวงใจ เคยไหมครับ ที่ส่องกระจกแล้วมีความรู้สึกว่าตรงบริเวณช่วงรอบดวงตาดู ไม่สดใส ดูไม่อ่อนเยาว์ เริ่มเห็นมีริ้วรอยขึ้นมา แล้วทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ ต้องสรรหาครีมหรือเครื่องสำอางที่จะมาปกปิดริ้วรอยเหล่านี้ ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
สำหรับในบทความนี้หมอจะมาพูดถึงเรื่องของวิธีลดริ้วรอยรอบดวงตา โดยจะพูดถึงรายละเอียด ทั้งชนิดของริ้วรอย สาเหตุ และวิธีการรักษา เพื่อเป็นแนวทาง สำหรับท่านที่กำลังกังวลใจและต้องการที่จะหาวิธีรักษานะครับ
ก่อนอื่นหมอขออนุญาตแนะนำตัวก่อนนะครับ หมอชื่อหมอเอ็ม นพ. มนตรี อุดมประเสริฐกุล เป็นแพทย์ประจำ เอ็มวีต้าคลินิก อโศก นะครับผม ก็หวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านที่กำลังศึกษาหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกรักษานะครับ
ริ้วรอยรอบดวงตา
ปัญหาเรื่องของริ้วรอยรอบดวงตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และในบางท่านก็เริ่มพบตั้งแต่อายุยังไม่เยอะมาก เช่นประมาณช่วง 20 ต้นๆ ก็เริ่มมีพบได้บ้างแล้วครับ
ทั้งนี้เนื่องจากผิวบริเวณรอบดวงตาเป็นผิวที่มีลักษณะแตกต่างจากผิวตรงอื่นบนใบหน้า กล่าวคือผิวตรงบริเวณนี้จะมีความบางมากกว่า บริเวณอื่นเป็นพิเศษ ดังรูปครับ
จากรูปนี้จะเป็นความหนาของชั้น dermis ของ ผิวบริเวณต่างๆบนใบหน้า ค่าที่เห็นจะเป็นความหนาที่วัดโดยเฉลี่ยไว้แล้ว ซึ่งจะเห็นว่าค่าที่น้อยที่สุดก็จะเป็นผิวรอบดวงตา โดยน้อยเป็นพิเศษที่เปลือกตาบนครับ
การที่ผิวบริเวณรอบดวงตาบางเป็นพิเศษเช่นนี้ จึงทำให้มีคอลลาเจนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผิวบริเวณอื่นและสามารถเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่า อีกครั้งผิวบริเวณรอบดวงตาเป็นผิวที่มีการขยับค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่มีการแสดงอารมณ์( facial expression ) ค่อนข้างมาก จึงมีโอกาสที่จะเกิดริ้วรอยได้ง่ายครับ
นอกจากนี้บางตำแหน่งของผิวรอบดวงตาจะมีความพิเศษมากขึ้นไปอีก ได้แก่ผิวบริเวณใต้หัวตา จะมีความพิเศษกว่าผิวทั่วๆไปคือบริเวณนี้จะไม่มีชั้นไขมันใต้ผิว (subcutaneous layer) จึงทำให้เกิดลักษณะของร่องใต้ตาได้ง่ายครับ
ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา มีอะไรบ้าง สาเหตุ เกิดจาก อะไร
ริ้วรอยรอบดวงตา สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายชนิดแต่ละชนิดการรักษาก็ไม่เหมือนกัน ดังนี้ครับ
- ตีนกา (Crow’s feet) หรือริ้วหางตา รอยตีนกา จะเป็นเส้นริ้วที่เกิดขึ้นตรงบริเวณช่วงหางตามักจะเห็นชัดเวลาที่เรายิ้ม หรือว่าหัวเราะครับ
สาเหตุของรอยตีนกา เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อรอบดวงตาที่มีชื่อว่า orbicularis oculi ที่จะมีการทำงานหดตัวเวลาที่เรายิ้มซึ่งลอยนี้ในบางท่านก็เกิดขึ้นตั้งแต่อายุไม่เยอะเช่นประมาณ 10 รายถึง 20 ก็เริ่มสังเกตเห็นรอยตีนกาได้บ้างแล้วพอเมื่ออายุเพิ่มขึ้น เช่นช่วงวัยประมาณ 30-40 รอยนี้ก็จะยิ่งเห็นชัดขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและปล่อยไว้นานเข้า รอยนี้จะเริ่มค่อยๆเปลี่ยนเป็นรอยลึก ชนิดที่ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนที่ไม่ยิ้มก็จะมองเห็นได้เป็นร่องลึกชัดครับ รอบรอยตีนกาจะพอสามารถแบ่งระดับความรุนแรงได้ประมาณ 5 ระดับดังนี้ครับ
- ริ้วรอยใต้ตา(Infraorbital fine lines) นอกเหนือจากรอยตีนกาแล้วริ้วรอยอีกชนิดหนึ่งที่มักจะพบได้ค่อนข้างบ่อย เช่นกันก็คือริ้วรอย เล็กๆที่อยู่ใต้ตา ริ้วรอยชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นเส้นเล็กๆบางๆ ไม่ค่อยลึกมากนัก และมักจะเป็นริ้วรอยที่มองเห็นแม้จะเป็นช่วงที่คนไข้ไม่ได้มีการแสดงสีหน้า หากจะเทียบกับรอยตีนการิ้วรอยชนิดนี้เนี่ยมันจะเกิดช้ากว่าครับ โดยส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นรอย
ประเภทนี้ในคนไข้ที่มีอายุประมาณ 40 ขึ้นไปถึง 50 ปีเลยทีเดียวครับ
ส่วนหากจะว่ากันด้วยสาเหตุการเกิด ก็ต้องบอกว่า รอยประเภทนี้ก็เกิดจากกล้ามเนื้อ orbicularis oculi เช่นเดียวกันครับ การขยับกล้ามเนื้อนี้มากๆเช่นการยิ้มบ่อยๆจะมีส่วนทำให้ร่องริ้วรอยประเภทนี้เกิดขึ้นเร็วขึ้นครับผม
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆที่สามารถทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้เช่นการที่ผิวเราเกิดการระคายเคืองบ่อยๆซึ่งส่วนใหญ่มักจะพบจากการที่ใช้ครีมรอบดวงตาหรือคันที่ไม่เหมาะกับผิวทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้น หรือบางท่านอาจจะเกิดจากการที่ผิวรอบดวงตาแห้งมากก็สามารถทำให้เกิดริ้วรอยขึ้นได้เช่นกันครับ
สัญญาณแห่งความชราอื่น ๆ ที่ปรากฏรอบดวงตาได้แก่ ร่องใต้ตา ถุงใต้ตา หนังตาตก ซึ่งพวกนี้ ในบทความนี้จะไม่ได้กล่าวรายละเอียดถึงนะครับแต่จะมีบทความแยกเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกทีหนึ่ง เดี๋ยวหมอจะทำลิงค์ไว้ให้นะครับ
วิธีแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา
สำหรับวิธีการรักษา ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตานั้นสามารถทำได้หลายวิธีครับ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ววิธีเริ่มต้นเลยก็คือการฉีดโบท็อกครับผม และในท่านที่มีปัญหาค่อนข้างมาก ก็อาจจะเสริมด้วยวิธีอื่นด้วย ได้แก่การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา การทำเลเซอร์รอบดวงตาครับ ซึ่งหมอจะลงรายละเอียดของการรักษาแต่ละแบบให้นะครับ
ฉีดริ้วรอยรอบดวงตา ด้วยโบท็อก
ใช้เวลาในการรักษา : ประมาณ 30 นาที
ทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล : เห็นผลตั้งแต่หลังทำครั้งแรก
เริ่มเห็นผลหลังทำกี่วัน : ประมาณ 1-3 วัน
ผลอยู่ได้นานเท่าไหร่ : ประมาณ 4-6 เดือน
การรักษาด้วยวิธีนี้จะเป็นการรักษาหลักในการ จัดการริ้วรอยรอบดวงตาเลยก็ว่าได้ครับ กล่าวคือ สำหรับคนไข้ที่มีความกังวลในเรื่องของริ้วรอยรอบดวงตาในการรักษาครั้งแรกหากไม่มีข้อบ่งห้ามใดๆก็ควรที่จะต้องเริ่มต้นด้วยการฉีดสาร botulinum toxin เป็นอันดับแรกเสมอครับ
เนื่องจากสาเหตุหลักของริ้วรอยรอบดวงตาเกิดมาจากการขยับของกล้ามเนื้อ Orbicularis oculi ที่ทำให้เกิดทั้งรอยตีนกาหรือริ้วรอย fine line บริเวณใต้ตา ดังนั้นการรักษาที่จะตรงจุดที่สุด ในการที่จะยับยั้ง หรือลดเลือนริ้วรอยเหล่านี้ ก็จะต้องเป็นการรักษาที่จะไปลดการขยับของกล้ามเนื้อรอบดวงตามัดนี้นั่นเองครับ
ซึ่งตัวที่จะตอบโจทย์ข้อนี้ได้เป็นอย่างดีก็น่าจะเป็นสารกลุ่ม botulinum toxin ซึ่งมีคุณสมบัติยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อ เมื่อเราฉีดสารนี้ไปที่ กล้ามเนื้อรอบดวงตา orbicularis oculi ก็จะทำให้การขยับตัวของกล้ามเนื้อลดลงส่งผลให้ริ้วรอยลดลงด้วยครับ
การรักษาด้วยวิธีนี้สามารถที่จะช่วยทำให้รอยหายเลือนไปได้หลังจากที่ 4 ประมาณ 1 ถึง 3 วัน นอกจากจะทำให้ริ้วรอยลดลง (reduction of wrinkle) แล้ว ยังมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยเพิ่มขึ้น (prevention of further wrinkle) ได้อีกด้วยครับ
รีวิว โบท็อกริ้วรอยรอบดวงตา
รีวิว โบท็อกริ้วรอยรอบดวงตา จาก คุณโปเต้ ครับผม
รีวิว โบท็อกริ้วรอยรอบดวงตา จาก คุณไกด์ ครับผม
แก้ลดริ้วรอยรอบดวงตา ด้วยการฉีดฟิลเลอร์
ใช้เวลาในการรักษา : ประมาณ 1 ชั่วโมง
ทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล : เห็นผลตั้งแต่หลังทำครั้งแรก
เริ่มเห็นผลหลังทำกี่วัน : หลังทำทันที
ผลอยู่ได้นานเท่าไหร่ : ประมาณ 6-8 เดือน
สำหรับการรักษาริ้วรอยรอบดวงตาด้วยฟิลเลอร์ จะเหมาะกับท่านที่ได้รับการรักษาด้วย botulinum toxin โบท็อกริ้วรอย มาแล้ว และริ้วรอยเริ่มดีขึ้นแต่ยังคงมีเส้นร่องลึกอยู่หรือบางท่านที่มีร่องลึกค่อนข้างมาก แม้ไม่ได้ยิ้มก็เห็นริ้วรอยเป็นเส้น(ประเมิน score แล้วตั้งแต่ประมาณเกรด 3 ขึ้นไป แพทย์ประเมินแล้วว่ารักษาด้วย botulinum toxin อย่างเดียวไม่เพียงพอก็อาจเสริมด้วยการฉีดฟิลเลอร์ ร่วมไปด้วยได้ครับ
โดยฟิลเลอร์ที่หมอจะเลือกใช้ส่วนใหญ่จะเป็นฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเนื้อโมเลกุลค่อนข้างเบาเพราะการฉีดฟิลเลอร์เพื่อรักษาริ้วรอยตรงเวรช่วงรอบดวงตานี้จะเป็นการฉีดที่ผิวชั้นตื้นครับ เนื่องจากฟิลเลอร์ที่มีเนื้อโมเลกุลเบา จะเรียบเนียนไปกับผิวได้ดีกว่าและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าครับ
รีวิว ฟิลเลอร์ริ้วรอยรอบดวงตา
รีวิว ฟิลเลอร์ริ้วรอยรอบดวงตา
รีวิว ฟิลเลอร์ริ้วรอยรอบดวงตา จาก คุณจง ครับผม
รีวิว ฟิลเลอร์ริ้วรอยรอบดวงตา จาก คุณตุ๊ก ครับผม
รีวิว ฟิลเลอร์ริ้วรอยรอบดวงตา จาก คุณส้ม ครับผม
วิธีแก้ริ้วรอยรอบดวงตา ด้วย เลเซอร์
ใช้เวลาในการรักษา : ประมาณ 1 ชั่วโมง
ทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล : ประมาณ 2-3 ครั้งขึ้นไป (แนะนำให้ทำแต่ละครั้งห่างกันทุก4 สัปดาห์)
เริ่มเห็นผลหลังทำกี่วัน : ประมาณ 1-2 สัปดาห์
ผลอยู่ได้นานเท่าไหร่ : ประมาณ 2-3 ปี
วิธีการรักษาแบบนี้จะเหมาะสำหรับท่านที่มีริ้วรอยร่องลึกรอบดวงตา ที่จัดการด้วย Botox เพียงอย่างเดียวไม่พอ แต่ไม่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ครับ
โดยขั้นตอนการรักษา คุณหมอจะใช้เลเซอร์ที่อยู่ในกลุ่มตระกูล Resurfacing หรือเลเซอร์ที่มีคุณสมบัติในปรับสภาพผิวเพื่อทำการลอกผิวชั้นบนออกและกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ด้วยวิธีนี้ก็จะทำให้ริ้วรอยเล็กๆร่องลึกต่างๆดูตื้นขึ้นและผิวดูเรียบเนียนขึ้นได้ครับ
เลเซอร์ที่อยู่ในกลุ่มประเภทนี้มีหลายชนิดเลยครับได้แก่
- เลเซอร์ปรับสภาพผิวชนิดที่มีแผล (nonablative resurfacing laser) ที่พบได้บ่อยคือเลเซอร์ Er:YAG(เออเบียมแยก), CO² laser
เลเซอร์ในกลุ่มนี้หลังจากที่ทำผิวของคนไข้จะมีสะเก็ดเกิดขึ้นจะเกิดตัวนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของการทำเลเซอร์ครับหากทำแบบ conventional ก็คือยิงเลเซอร์เต็มบีม จะเก็บก็จะเป็นแถบให้เห็นแต่หากทำเป็นแบบ fractional คือยิงแบบเป็นตาราง สะเก็ดที่เห็นก็จะเป็นจุดเล็กๆเรียงกันเป็นตารางครับ
- เลเซอร์ปรับสภาพผิวชนิดไม่มีแผล( non-ablative resurfacing laser) ที่พบได้บ่อยคือ เลเซอร์ Erbium glass, thulium laser เป็นต้นครับ
เลเซอร์ในกลุ่มนี้ หลังยิงจะไม่มีสะเก็ดเกิดขึ้นแต่ผิวคนไข้อาจจะมีอาการแดงเรื่อยๆเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การทำงานของเลเซอร์จะกระตุ้นให้ชั้นผิวมีการสร้าง Collagen มากขึ้น สามารถช่วยทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์แล้วก็ริ้วรอยลดเลือนลงได้ครับ
หากเปรียบเทียบกันแล้ว Laser กลุ่มที่มีแผลจะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจนมากกว่ากลุ่มเลเซอร์ที่ไม่มีแผลซึ่งหลักการก็ เข้าใจง่ายเนื่องจากว่าเลเซอร์ที่มีแผลจะเป็นการกระตุ้นให้สร้างเซลล์ใหม่เซลล์ผิวใหม่เลยครับ
การดูแลตนเองไม่ให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตา
- ลดพฤติกรรมการทำร้ายรอบดวงตา เช่น ขยี้ตา นอนดึก
- หลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตาที่มีส่วนผสมที่ระคายเคืองผิว หากทาครีมรอบดวงตาแล้วรู้สึกแสบควรรีบล้างออกทันที (เพราะการที่ผิวรอบดวงตาของเรา เกิดการระคายเคืองบ่อยๆก็สามารถทำให้เกิดริ้วรอยขึ้นได้เช่นกันนะครับ)
- สำหรับท่านที่ผิวรอบดวงตามักจะแห้งเป็นพิเศษแนะนำว่าควรใช้ครีมรอบดวงตาที่มีความชุ่มชื้นเพียงพอแต่ไม่ระคายเคืองเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวรอบดวงตาของเราแพงมากเกินไปครับ
- พยายามหลีกเลี่ยงการเกร็งกล้ามเนื้อรอบดวงตาหรือใบหน้าแรงๆ
ลดริ้วรอยรอบดวงตา ที่ไหนดี ที่สุด
การเลือกคลินิกที่รักษาริ้วรอยรอบดวงตาที่ดีนั้นอาจจะพิจารณาจากหลายๆปัจจัย เช่นอาจจะดูจากรีวิว ที่มีคนทำแล้วเห็นผลค่อนข้างดี ความน่าเชื่อถือของตัวยา เครื่องมืออุปกรณ์ แพทย์และทีมงานที่ให้การรักษา เพื่อประกอบเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ เลือกคลินิกที่เหมาะสมครับ
ที่ เอ็มวีต้า คลินิก ให้คำแนะนำการรักษา ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แนะนำอย่างตรงจุด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ 100% การันตีคุณภาพ โดยคุณหมอเอ็ม นพ.มนตรี อุดมประเสริฐกุล แพทย์ประจำเอ็มวีต้า คลินิก ที่มีประสบการณ์ด้านความงามนานกว่า 14 ปี พร้อมรางวัลการีนตีคุณภาพอีกมากมาย และทีมผู้ช่วย ที่มีประสบการณ์ ให้คำแนะนำ เพื่อให้ได้วิธีลดปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ที่ผลลัพธ์คุ้มค่า และปลอดภัยมากที่สุด ครับผม
เอ็มวีต้าคลินิกมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวพรรณโดยเฉพาะ คอยดูแลคุณอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ก่อนการรักษา ในระหว่างการรักษา และหลังการรักษา เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สามารถติดต่อนัดคิวพบหมอ หรือสอบถามโปรโมชั่น ได้ที่…
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
วันเผยแพร่